สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ว่าสำนักงานสาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นรัฐมีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย รายงานสถิติผู้ป่วยโรคโควิด-19 สะสมในพื้นที่อย่างน้อย 13,789 คน เพิ่มขึ้น 480 คน นับเป็นสถิติรายวันสูงสุดของรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยแบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 2 คน และการติดเชื้อภายในชุมชน 478 คน
ด้านจำนวนผู้ป่วยยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในระบบมีจำนวนอย่างน้อย 391 คน ส่วนสถิติผู้เสียขีวิตสะสมเพิ่มเป็นอย่างน้อย 112 ราย โดยมีการยืนยันผู้เสียชีวิต 7 รายในรอบวันที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค. เป็นต้นไป "จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง" รัฐนิวเซาท์เวลส์ได้รับความสนับสนุนจากทหารส่วนกลางอีก 500 นาย ลงพื้นที่ลาดตระเวนร่วมกับตำรวจในพื้นที่ เน้นบุคคลตามรายชื่อต้องกักตัวและแยกรักษาตัวที่บ้าน ว่ายังคงปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดหรือไม่ 
ขณะที่การฝ่าฝืนมาตรการกักตัวและแยกรักษาตัวภายในบ้านพัก มีโทษปรับทันที 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ( ราว 122,349.85  บาท ) เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากอัตราปัจจุบัน การให้ข้อมูลเท็จต่อเจ้าพนักงานสอบสวนโรคและการแสดงเอกสารปลอม มีโทษปรับทันที 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียเช่นกัน
ส่วนการฝ่าฝืนมาตรการรวมตัวไม่เกิน 2 คน เพื่อการผ่อนคลายในสถานที่สาธารณะ มีโทษปรับทันที 3,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ( ราว 73,409.91 บาท ) เป็นอัตราเดียวกับการเดินทางออกจากเขตใจเทศบาลเมืองซิดนีย์ ไปยังพื้นที่แห่งอื่นในรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยไม่ได้รับอนุญาต

ในเวลาเดียวกัน วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค จำนวน 1 ล้านโด๊ส ซึ่งเป็นผลจากการเจรจาโดยตรงกับรัฐบาลโปแลนด์ และเป็นข้อตกลงจัดซื้อ “เป็นกรณีพิเศษ” เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติซิดนีย์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ยืนยันว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของวัคซีนเหล่านี้ จะถูกส่งไปยังรัฐนิวเซาท์เวลส์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่นจะระดมฉีดให้แก่กลุ่มเป้าหมายซึ่งมีอายุระหว่าง 20-39 ปี โดยเร็วที่สุด.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES