‘เมตา แพลตฟอร์ม อิงค์’ มีแผนการที่จะปลดพนักงานครั้งใหญ่ภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพนักงานหลายพันคน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อวันที่ 6 พ.ย. 2565 ซึ่งอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าววงใน

ทางด้าน เมตา อิงค์ ยังไม่ได้ปฏิเสธข่าวดังกล่าวและยังคงไม่มีแถลงการณ์ใด ๆ อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อเดือนที่แล้ว เมตา อิงค์ คาดการณ์ถึงผลประกอบการที่ไม่น่าพอใจนักสำหรับฤดูกาลส่งท้ายปีที่กำลังจะมาถึง รวมถึงรายงานต้นทุนที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นสูง ทำให้มูลค่าของบริษัทหายไปจากตลาดหุ้นราว 67,000 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,504 ล้านบาท) 

การคาดการณ์ที่น่าผิดหวังมาจากการที่ เมตา อิงค์ ต้องพยายามหาทางรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มถดถอย อีกทั้งยังเจอคู่แข่งอย่าง ‘ติ๊กต็อก’ และการปรับนโยบายการรักษาความเป็นส่วนตัวของบริษัทแอปเปิล และความกังวลเกี่ยกับการลงทุนจำนวนมหาศาลในแพลตฟอร์ม ‘เมตาเวิร์ส’ 

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ เมตา อิงค์ กล่าวว่า เขาคาดว่าการลงทุนในเมตาเวิร์สจะต้องใช้เวลาราว 10 ปี จึงจะคืนทุน ในขณะเดียวกัน เขาก็จำเป็นต้องหยุดการจ้างพนักงานเพิ่ม ปิดโครงการบางโครงการและจัดทีมงานใหม่เพื่อลดต้นทุน

ซักเคอร์เบิร์กเคยให้สัมภาษณ์เมื่อเดือนที่แล้วว่า ภายในปี 2566 เมตา อิงค์ จะเน้นหนักที่การลงทุนเฉพาะโครงการที่มีแนวโน้มจะเติบโตสูง ทีมงานบางทีมจึงจะมีการขยายตัวสูงตามไปด้วย แต่ทีมงานอื่น ๆ ซึ่งเป็นส่วนใหญ่จะยังคงอยู่ในระดับเดิมหรืออาจจะต้องลดขนาดลงตลอดช่วงปีหน้า 

เขาคาดว่า ภาพรวมของบริษัทเมื่อถึงสิ้นปี 2566 ก็คือองค์กรที่จะไม่ขยายใหญ่ไปกว่าตอนนี้ หรืออาจจะลดขนาดลงด้วยซ้ำ

เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เมตา อิงค์ ได้ลดจำนวนทีมวิศวกรที่จะว่าจ้างลงไปอย่างน้อย 30% โดย ซักเคอร์เบิร์ก ได้กล่าวเตือนพนักงานให้เตรียมพร้อมรับมือเศรษฐกิจขาลง

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น ไมโครซอฟท์ คอร์ป, ทวิตเตอร์ อิงค์, สแนป อิงค์ เริ่มแผนการปลดพนักงานและลดจำนวนการว่าจ้างพนักงานใหม่ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีการเติบโตช้าลง เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและวิกฤติพลังงานในยุโรป.

เครดิตภาพ : REUTERS