ความคืบหน้าการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งจะเปิดฉากดวลแข้งกันระหว่างวันที่ 20 พ.ย.-18 ธ.ค.นี้ หลังจากที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีการอนุมัติเงินสนับสนุนจากกองทุนวิจัย และพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) ให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ภายในกรอบวงเงิน 600 ล้านบาท จากจำนวนเต็ม 1,600 ล้านบาท ที่ กกท. เสนอขอรับการสนับสนุนเข้าไปนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พ.ย. “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้ กกท. ก็ยังรอคำตอบจากทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ผ่านทางเอเย่นต์ที่ประสานงานกันมาอยู่ ซึ่ง กกท.ได้ส่งอีเมลขอลดราคาไปอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าราคาที่ฟีฟ่าเสนอมายังแพงเกินไป แต่ล่าสุดถึงวันที่ 13 พ.ย. ผ่านไปแล้ว 3 วัน ทางเอเย่นต์ฟีฟ่าก็ยังไม่ได้มีการตอบรับกลับมาแต่อย่างใด ทั้งนี้ หากยังไม่มีการตอบรับกลับมา วันที่ 14 พ.ย. ก็จะทำหนังสือส่งเข้าไปอีกรอบ เพราะเวลากระชั้นเข้ามามากแล้ว

ดร.ก้องศักด กล่าวต่อว่า ส่วนข่าวจะมีการใช้เงินจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 600 ล้านบาท เพื่อนำไปสมทบค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งนี้ ในเรื่องนี้จำเป็นต้องชะลอเอาไว้ก่อน ต้องหารือกันภายในบอร์ดกองทุนฯ และรอดูท่าทีของฟีฟ่าอีกครั้งด้วย ว่าจะขายค่าลิขสิทธิ์เท่าไหร่ ขณะเดียวกัน นอกจากเอกชน 5 รายที่ กกท. ได้ประสานงานเพื่อให้ช่วยสนับสนุนถ่ายทอดสดแล้ว ตอนนี้ กกท. ก็ยังเดินหน้าหาสปอนเซอร์เพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ใช่แค่เพียงค่าลิขสิทธิ์ ที่ต้องจ่าย หากได้ถ่ายทอด ยังมีค่าภาษี การตั้งศูนย์ถ่ายทอดสด ค่ารับสัญญาณดาวเทียม ค่าเช่าเวลาสถานี เพิ่มมาอีกด้วย

รายงานข่าวยังแจ้งเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นำเสนอว่า จะเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการประชุมวันอังคารที่ 15 พ.ย.นี้ เพื่อขอยืมเงินจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย มาสมทบในการไปซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2022 ก่อน แล้วนำเงินจากภาคเอกชน ที่หามาได้หลังจากนี้มาคืนให้กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ นั้น เป็นเพียงแนวคิดก่อนหน้านี้ ซึ่ง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (บอร์ดกองทุน) ไม่เห็นด้วย ดังนั้นในการประชุม ครม. วันที่ 15 พ.ย.นี้ จะไม่มีการนำเรื่องนี้เสนอต่อที่ประชุม ครม.

ส่วนความคืบหน้า ณ วันที่ 13 พ.ย. ยังไม่มีความชัดเจน เพราะฟีฟ่า ยังไม่ตอบกลับมาว่า จะยอมลดราคาให้กับประเทศไทย ได้เท่าไหร่ ต้องรอจนถึงวันจันทร์ที่ 14 พ.ย. เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ แล้วสิ่งที่กังวลคือ ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย. เป็นวันหยุดในโอกาสไทย เป็นเจ้าภาพประชุมสัปดาห์ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคอีก จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน เวลานี้คนที่หนักใจที่สุด คือ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ที่เร่งเคลียร์เรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ให้จบด้วยดีและเร็วที่สุด โดยวันที่ 14 พ.ย. สำนักอัยการสูงสุด เรียกฝ่ายกฎหมายของ กกท. ไปพูดคุยทำความเข้าใจเรื่องข้อกฎหมายทุกประเด็น ขณะเดียวกัน ดร.ก้องศักด ยอดมณี จะต้องไปเซ็นเอ็มโอยู กับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ในงบประมาณที่ได้รับอนุมัติช่วยมาส่วนหนึ่ง 600 ล้านบาท ด้วย

รายงานข่าวระบุอีกว่า เวลานี้มีเงิน 600 ล้านบาทจาก กสทช. และ 400 ล้านบาท จาก 3 บริษัทเอกชน สนับสนุนเพิ่มเติมให้ ได้แก่ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จํากัด (มหาชน), บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ส่วนอีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จํากัด (มหาชน) และบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) นั้น ทาง กกท. ส่งหนังสือขอรับการสนับสนุนเข้าไปเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา และติดวันเสาร์-อาทิตย์ จึงยังไม่มีการตอบกลับมา

“ตอนนี้เรามีเงินอยู่ 1,000 ล้านบาท ท่าทีฟีฟ่าล่าสุด คือ ไม่ยอมลดราคาให้เหลือ 30 ล้านดอลลสร์สหรัฐ โดยบอกว่าถ้าเราจะซื้อในราคาที่ถูกกว่า 38 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เราต้องซื้อเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เวลานี้ฟีฟ่า ยืนกรานว่าไม่ยอมขายแพ็กเกจย่อยคือ ซื้อตั้งแต่รอบ 2 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ให้เรา บังคับให้เราซื้อฟูลแพ็กเกจ 64 แมตช์ เท่านั้น แต่เราได้ยื่นขอลดราคาเข้าไป ซึ่ง ฟีฟ่า ยังนิ่ง ไม่มีการตอบอีเมลกลับมาแต่อย่างใด คงต้องรอวันจันทร์นี้ต่อไป” รายงานข่าวแจ้ง

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับกระบวนการขั้นตอนที่ฟีฟ่า ขีดเส้นตายไว้คือ ภายในวันที่ 18 พ.ย. เราต้องปิดดีลกับฟีฟ่าให้สำเร็จว่า จะซื้อในราคาเท่าไหร่ แพ็กเกจไหน คนไทยจะได้ดูฟูล 64 แมตช์ หรือตั้งแต่รอบที่ 2 หรือ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในเวลานี้ยังไม่สามารถยืนยันได้แบบ 100 % จากนั้นในวันที่ 19 พ.ย. ก่อนเตะนัดแรกฟุตบอลโลก 2022 เราจะต้องโอนเงินทั้งหมดไปให้ฟีฟ่า พร้อมภาษี 15% ตอนนี้มี 2 ทางเลือก ในเวลานี้คือ 1.ยอมซื้อในราคา 1,600 ล้านบาท ซึ่งเราก็จะโดนด่าว่าซื้อแพง กับข้อ 2.ไม่ซื้อเลย เราก็จะไม่ต้องเอาเงินภาษีประชาชนไปซื้อ ซึ่งเราก็จะโดนด่าเช่นกันว่าทำไม่สำเร็จ แต่ตอนนี้ ณ วันที่ 13 พ.ย. ยืนยันได้ว่าโอกาสที่คนไทยจะได้ดูการถ่ายทอสดฟุตบอลโลก 2022 มีมากกว่า 50% อยากให้รอความชัดเจนกันอีกหน่อย.