เมื่อวันที่ 19 พ.ย. นายมะนิช ปราณี อายุ 49 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ผู้ที่ถูกรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา เข้าแจ้งความ กับ พ.ต.ท.สมศักดิ์ เกตุพิบูลย์ สารวัตรสอบสวน สภ.ธวัชบุรี หลังถูกนางอังคนารัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นเมียที่อยู่กินมากันมา 26 ปี ได้หนีตามผู้ชายไป พร้อมกับสุมดบัญชีธนาคาร ธ.ก.ส. สาขาธงธานี ที่มีเงินจากการถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 65 ประมาณ 5.9 ล้านบาท ไปด้วย

นายมะนิช ผู้เสียหาย กล่าวว่า หลังจากกลับจากออกรายการทีวีที่กรุงเทพฯ และถึงร้อยเอ็ดเมื่อวานนี้ ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าแจ้งความ ดำเนินคดีกับเมียที่หนีไปกับผู้ชาย ซึ่งรู้เพียงแต่ชื่อว่านายวิทยา ไม่ทราบนามสกุล และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำตัวมาดำเนินคดี และเอาเงินมาคืน

“ทีแรกตนว่าจะไม่แจ้งความแล้ว เพราะเมื่อวานนี้ เมียติดต่อทางโทรศัพท์กลับมาเอง ว่าขอให้ยุติการให้ข่าวและความเคลื่อนไหว โดยจะขอเวลาสัก 1-2 วัน ก็จะกลับมาบ้าน พร้อมกับเอาเงินมาคืนทั้งหมด และยืนยันว่า ไม่ได้ไปกับผู้ชาย แต่หนีไปเพราะความโกรธ เพราะลูกชายพูดด้วยไม่ดี ซึ่งตอนนี้เรื่องทำใจได้แล้ว จึงจะกลับมา ซึ่งตนก็เชื่อ แต่ปรากฏว่าพอถึงวันนี้ กลับติดต่อไม่ได้อีก และปรึกษาทุกคนดูแล้ว มั่นในว่าน่าจะหลอกลวงเพื่อถ่วงเวลาไม่ยอมคืนเงิน ที่หนีไปกับผู้ชายคนนั้นมากว่า จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดี หลังจากลังเลมานานหลายวัน จนกระทั่งแน่ใจว่า เมียไม่มีความจริงใจแน่นอน จึงตัดสินใจแจ้งความดังกล่าว” นายมะนิช กล่าว

‘หนุ่ม กรรชัย’ ไม่หมาแล้ว! โพสต์คดีพลิก ‘ผัว’ แจ้งจับ ‘เมีย’ สวมเขาเชิดหวยหนี

เมียลั่นไม่คืนแน่เงินผัวถูกรางวัลที่1 ยันไม่ได้เป็นอะไรกันแค่คนรู้จัก

นายมะนิช กล่าวต่อว่า ซึ่งตอนนนี้มั่นใจว่าหลอกลวงแน่นอน จึงต้องการให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี เพื่อเอาเงินคืนแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนหลังจากได้เงินคืนแล้ว ก็ค่อยคุยกันอีกที ซึ่งตนอาจจะถอนแจ้งความก็ได้ หากกฎหมายสามารถทำได้ เพราะเห็นแก่เคยอยู่ด้วยกันมา และหลังจากได้เงินคืน หากไม่มีที่ไป ก็อาจจะให้พักพิงในบ้าน เพื่อให้อยู่กับลูกๆ ได้ ด้วยความมีมนุษยธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ลูกสาวอายุ 11 ขวบ เรียน ป.5 คิดถึงแม่มาก จนไม่อยากเรียนต่อ แต่อาจจะไม่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันแบบเดิมสักระยะ เพื่อดูใจกันก่อน

เบื้องต้น พ.ต.ท.สมศักดิ์ จึงได้มีการนำตัวผู้เสียหาย พร้อมด้วย นายเพ็ญ แต้ธวัช พี่ชายของนางอังคนารัตน์ ที่ร่วมมีส่วนรู้เห็นกับการนำเงินเข้าบัญชีของ นางอังคนารัตน์ หลังจากไปรับเงินที่กองสลากแล้ว โอนเข้าบัญชีเมียดังกล่าว โดยทั้ง 2 คน ยืนยันให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เหตุที่เข้าบัญชีเมีย เพราะไม่มีบัญชีธนาคารของตนเอง เพราะเขียนหนังสือไม่ค่อยได้ แม้แต่การที่เมียอ้างว่า ลายเซ็นหลังสลากฯ ก็เป็นลายเซ็นเมียนั้น ที่จริงแล้ว ระหว่างที่เดินทางไปกับลูกและเมีย แวะที่โคราช เมียบอกกลัวว่าลอตเตอรี่จะหาย เลยบอกให้เซ็นเลย ทุกคนเห็นด้วยกัน เพราะตนเองเขียนหนังสือไม่ได้ เลยให้เมียเซ็นแทน และยืนยันว่า การโอนเงินเข้าบัญชีเมีย ไม่ได้โอนเข้าให้ด้วยความเสน่หา แต่เป็นการฝากไว้ในบัญชีเท่านั้น

พ.ต.ท.สมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเป็นความต้องการของเจ้าทุกข์ ก็พร้อมที่จะดำเนินการให้ตามความต้องการ โดยจะมีการเรียกสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องทั้ง 3 คน คือ ผู้เสียหาย พร้อมกับพี่ชายของเมีย ที่เดินทางไปด้วยกันที่กองสลาก รวมทั้งคนขายสลากฯ มาสอบสวน เพื่อสรุปสำนวนการสอบสวน แล้วจึงจะออกหหมายเรียกนางอังคนารัตน์ และคนที่ก่อเหตุร่วมกัน มาสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหายักยอกทรัพย์ และหากไม่มาตามหมายเรียก ก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับต่อไป

แต่อย่างไรก็ตามคดีนี้ เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวที่สามารถยอมความกันได้ หากมาพบพนักงานสอบสวนและตกลงกันได้ ก็สามารถที่จะถอนการแจ้งความทุกข์ได้ โดยไม่มีปัญหา เพื่อให้เรื่องราวยุติกันด้วยดี.