เมื่อวันที่ 22 พ.ย. นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.) เปิดเผยว่า จากที่สมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิทัล (ประเทศไทย) ได้ยื่นหนังสือต่อกรรมการ กสทช.เพื่อให้ตรวจสอบและวินิจฉัยถึงความถูกต้องและเป็นธรรมในการจัดสรรให้ทางทีวีช่องต่างๆถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2022 นั้น ในวันพรุ่งนี้( 23 พ.ย.) ทางสำนักงาน กสทช.ได้เชิญนายเดียว วรตั้งตระกูล ในฐานะเลขาธิการสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิทัล (ประเทศไทย) เข้าพบทางบอร์ด กสทช. เพื่อยืนยันว่าทางสมาคมฯ มีความพอใจถึงการจัดสรรในการถ่ายทอดสดแล้ว ไม่ต้องนำเรื่องที่ยื่นหนังสือ นำเข้าที่ประชุมให้บอร์ด กสทช พิจารณาว่าการจัดสรรมีความถูกต้องและเป็นธรรมหรือไม่แล้ว
หลังจากที่ ได้มีการหารือกันกับทาง กสทช. และ การกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) และ กลุ่มทรู ที่จะมีการให้ทางช่องทีวีดิจิทัลถ่ายเพิ่มอีก 16 แมทช์ คู่ขนานกับทางทรู เมื่อรวมกับที่ได้รับการจัดสรรเดิมเป็นจึงเป็น 48 แมทช์ ซึ่งทาง กกท. จะไปหารือตกลงกับทางทรู และสมาคมฯ ว่าจะมีคู่ใดและถ่ายเพิ่มในช่องอะไรบ้าง
“สำหรับเงิน 600 ล้าน ที่ กสทช.สนับสนุน เป็นเงินคนละกองกับส่วนที่ทางผู้ประกอบการทีวีดิลิทัลนำส่งเข้ากองทุน จึงอาจเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด จึงได้ทำการชี้แจงให้รับทราบกับทุกฝ่ายแล้ว ซึ่งการจัดสรรพิ่มให้ถ่ายทอดสด อีก 16 แมทช์ ก็เป็นที่พอใจของทุกฝ่ายแล้วไม่มีปัญหาอะไร”
นายไตรรัตน์ กล่าวต่อว่า สำหรับในเรื่องการดูผ่านทางกล่องรับสัญญาณต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต และ มือถือนั้น ที่มีบางฝ่ายออกมาระบุว่าไม่สามารถดูได้นั้น ตามปกติควรจะดูได้ทุกช่องทาง แต่ทาง กสทช.ไม่ได้เห็นสัญญาที่ทาง กกท. ได้ไปตกลงกับทาง ฟีฟ่า และทรู ว่าเป็นไปในลักษณะใดให้ลิขสิทธิ์ช่องทางดังกล่าวกับใคร ซึ่งได้ให้คำแนะนำกับทาง กกท. ให้ยึกหลักตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ หรือทรัพย์สินทางปัญญา ที่เป็นกฎหมายหลักที่ใหญ่กว่าประกาศของ กสทช. มัสต์แฮฟ และมัสต์แครี่ หากสามารถนำมาถ่ายได้ไม่ติดปัญหาเรื่องข้อกฎหมาย ก็สามารถทำได้เลย ทุกช่องทาง แต่หากตามข้อตกลงในการเซ็นสัญญานำมาเผยแพร่แล้วผิดกฎหมาย หรือข้อตกลง ก็ให้ยึดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์