ชื่อของ “ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์” หรือ “หาวเจ๋อ ตู้” จู่ ๆ ได้ถูกเปิดเผยขึ้นมา เป็นการเปิดเผยไล่หลังเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงย่านยานนาวา ที่ลักลอบเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต และสามารถจับกุมนักเที่ยวได้ 200 กว่าคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน   

ถ้าหากกล่าวถึงกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวจีนในไทย ข้อมูลนายทุนที่มีความเกี่ยวข้องกับวงการทัวร์จีน มักปรากฏชื่อ “ตู้ห่าว” หรือ อีกชื่อ “หาวเจ๋อ ตู้” ที่อาจเรียกได้ว่า เป็น 1 ใน 5 เสือ ของกลุ่มนักธุรกิจท่องเที่ยวจีนในไทย ซึ่ง “หาวเจ๋อ ตู้” เริ่มมาทำธุรกิจในเมืองไทย ตั้ง บริษัท กั่วลี่กรุ๊ป นั่นเอง 

“หาวเจ๋อ ตู้” หรือชื่อไทย นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ ได้รับสัญชาติไทย หลังจดทะเบียนสมรสกับหญิงไทย ซึ่งเป็นตำรวจหญิง มีศักดิ์เป็นหลานอดีตนายตำรวจยศชั้นนายพล และเป็นนักการเมืองรัฐบาลในอดีต 

ยิ่งย้อนกลับไป “หาวเจ๋อ ตู้” หรือ นายชัยณัฐร์ เคยให้สัมภาษณ์สื่อว่า เขาเดินทางมาจากจีน เพราะหวังพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ประกอบสัมมาชีพสุจริต เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ได้ work permit ตามขั้นตอน และเมื่อแต่งงานกับหญิงไทย มีลูกด้วยกัน จึงได้สัญชาติไทย เป็นพลเมืองไทยถูกต้อง

เมื่อรัฐส่งเสริมธุรกิจ จึงเปิดศูนย์แสดงสินค้า อัญมณี ที่นอนยางพารา สมุนไพร จำหน่ายสินค้าให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวภูเก็ต นำเงินเข้าประเทศ ทั้งหมดนี้มีหุ้นส่วนคนไทย มิได้เป็นนอมินีใคร คนงานเป็นคนไทย สร้างรายได้ กระจายรายได้หมุนเวียนในประเทศ ชัยณัฐร์ บอกว่า กั่วลี่กรุ๊ป คือบริษัทคนไทย

ไม่รอด! ศาลอนุมัติหมายจับ ‘ตู้ห่าว’ ทุนจีนสีเทา โดน 3 ข้อหาพัวพันยาเสพติด

ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ เคยตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา ในคดีจ้างวานใช้และพยายามฆ่าผู้อื่น และใช้จ้างวานวางเพลิง เผาทรัพย์สินผู้อื่น เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 23 เม.ย. 55 กลุ่มคนร้ายได้บุกเข้าไปเผาสวนงู หรือ บริษัท ภูเก็ต เฮลตี้นูทรีเมนต์ จำกัด ที่ จังหวัดภูเก็ต และทำร้าย นายอนุชิต ไชยทองงาม รปภ. ได้รับบาดเจ็บสาหัส จนพิการ 

โดยเป็นธุรกิจคู่แข่งกับ นายชัยณัฐร์ ซึ่งมีชื่อบริหาร บริษัท โมเดิร์นเจมส์ ภูเก็ต แต่คดีดังกล่าว อัยการจังหวัดภูเก็ต ในขณะนั้น ใช้เวลาพิจารณาสำนวนคดีเพียงวันเดียว และมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีทั้งหมด

วันนี้ “หาวเจ๋อ ตู้” หรือ นายชัยณัฐร์ กลับมาปรากฏชื่ออีกครั้ง โดย นายสมศักด์ เทพสุทิน ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า นายทุนจีนคนนี้ ที่บริจาคเงินเข้าพรรค พปชร. จำนวน 3 ล้านบาท โดยมีหลักฐานปรากฏในเอกสาร กกต.