เมื่อวันที่ 24 พ.ย. กระทรวงคมนาคม แจ้งว่า ที่ประชุมคณะทำงานบูรณาการการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมืองให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ได้รับทราบการดำเนินการแก้ปัญหาความแออัดของผู้โดยสารในระยะเร่งด่วนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) และท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) เพื่อเพิ่มความสะดวก และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสาร โดยมีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้ 1. ความคับคั่งบริเวณจุดตรวจหนังสือเดินทางขาเข้า ทสภ. ได้จัดระเบียบการต่อแถวเป็นรูปแบบ Snake Line เพื่อให้เป็นระเบียบยิ่งขึ้น และติดป้ายแจ้งระยะเวลารอรับบริการให้ผู้โดยสารทราบ

รวมทั้งเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก และตรวจเอกสารการเดินทาง นอกจากนี้ได้บูรณาการร่วมกับกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จัดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเต็มทุกเคาน์เตอร์ในช่วงชั่วโมงที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก ทำให้สามารถระบายผู้โดยสารได้ทั้งหมดภายในระยะเวลา 30 นาที โดยผู้โดยสารใช้เวลาต่อคิวรอตรวจหนังสือเดินทางเฉลี่ย 15 นาทีต่อคน, 2. ความคับคั่งของผู้โดยสารบริเวณโถงสายพานรับกระเป๋าขาเข้า ณ ทสภ. ทาง ทอท. ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัทผู้ประกอบการให้บริการภาคพื้น โดยตรวจสอบเวลาลำเลียงสัมภาระใบแรกของแต่ละเที่ยวบิน กรณีที่พบว่ามีการลำเลียงสัมภาระล่าช้าเกินกว่า 15 นาที จะแจ้งเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินการดูแลผู้โดยสารบริเวณสายพาน และแจ้งผู้ให้บริการภาคพื้นที่เร่งดำเนินการให้เร็วขึ้น
ปัจจุบัน ทสภ. มีสายพานรับกระเป๋าขาเข้าภายในประเทศ 4 สายพาน ขาเข้าระหว่างประเทศ 18 สายพาน และรถเข็นกระเป๋าสัมภาระ 11,100 คัน, 3. ความคับคั่งบริเวณจุดรอรถแท็กซี่ ทสภ. ได้ขยายพื้นที่รอคอยกดตั๋วแท็กซี่ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งเพิ่มการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะให้เพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้บริการ, 4. ความหนาแน่นของรถยนต์บริเวณชานชานชาลา อาคารผู้โดยสาร ทดม. ดำเนินการในระยะเร่งด่วน โดยตรวจสอบสภาพการจราจรผ่านทางกล้องโทรทัศน์วงจรปิดของศูนย์รักษาความปลอดภัย เพื่อบริหารจัดการการจราจรได้ดียิ่งขึ้น

รวมทั้งจัดให้มี Passenger and Taxi Drop Lane เพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณชานชาลาขาออก ซึ่งผู้โดยสารสามารถเดินเข้าสู่ทางเชื่อมมายังภายในอาคารผู้โดยสารได้ทันที สำหรับในช่วงเวลาเร่งด่วน ทดม. จัดเจ้าหน้าที่บริหารจัดการการจราจรรถแท็กซี่ให้ใช้เส้นทาง TAXI DROP LANE อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันสามารถระบายการจราจรบริเวณชานชาลาขาออกให้มีความคล่องตัวขึ้น, 5. ความหนาแน่นบริเวณเคาน์เตอร์เช็กอิน ในระยะเร่งด่วน ทดม. ได้นำระบบ Real Time Passenger Tracking Monitor มาใช้ตรวจสอบความหนาแน่นผู้โดยสารตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งทำให้ทราบความหนาแน่นของจำนวนผู้โดยสารที่รอคิว
หากพบว่ามีผู้โดยสารรอคิวใช้บริการจำนวนมาก ทดม. จะแจ้งให้สายการบินทราบ เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ และเพิ่มจำนวนเคาน์เตอร์เช็กอินให้เหมาะสมกับปริมาณผู้โดยสาร โดยมีหน้าจอแสดง เวลา และสถานะคิว เพื่อให้ผู้โดยสารได้ตัดสินใจในการใช้บริการ สำหรับแผนระยะกลาง ทดม. ได้ติดตั้งระบบเช็คอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service หรือ CUSS) และระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag-Drop: CUBD) เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับการบริการที่สะดวกรวดเร็ว และลดระยะเวลาการรอคิวเข้าเช็กอิน ซึ่งจะสามารถให้บริการได้ในเดือน ก.พ.66

6. ความหนาแน่นบริเวณจุดตรวจค้น ในระยะเร่งด่วน ทดม. ได้นำระบบ Real Time Passenger Tracking Monitor มาใช้ ซึ่งแสดงให้เห็นความหนาแน่นของจำนวนผู้โดยสาร หากพบว่ามีความหนาแน่นของผู้โดยสารจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ ทดม. จะเร่งจัดระเบียบคิวให้เหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสาร รวมทั้งมีหน้าจอแสดงเวลาการรอคิวให้ผู้โดยสารทราบ สำหรับแผนระยะกลาง ทดม. เตรียมเพิ่มเจ้าหน้าที่ตรวจค้นในการให้บริการ เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต, 7. จุดตรวจหนังสือเดินทาง ทดม. มีแผนระยะกลาง เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในอนาคตโดยประสานงานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพิ่มเจ้าหน้าที่ประจำเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทางจาก 22 เคาน์เตอร์ เป็น 30 เคาน์เตอร์
ทั้งนี้ ทอท. มีแผนระยะยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหาความคับคั่ง ทสภ. โดยเพิ่มพื้นที่จุดตรวจหนังสือเดินทางขาเข้า ที่อาคารผู้โดยสารหลัก และเพิ่มพื้นที่กระบวนการ Visa on Arrival (VOA) ที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) เพื่อลดความแออัดในพื้นที่ตรวจหนังสือเดินทางบริเวณอาคารผู้โดยสารหลัก ติดตั้งระบบไบโอเมตริกล่วงหน้าบนตู้คีออส (Self-Service Pre-Registration Kiosk) เพื่อให้ผู้โดยสารทำการ Pre-Immigration ก่อนถึงจุดตรวจหนังสือเดินทาง และดำเนินการก่อสร้างส่วนต่อขยาย ด้านทิศตะวันออก (East Expansion) ด้านทิศตะวันตก (West Expansion) และด้านทิศเหนือ (North Expansion) เพื่อรองรับปริมาณผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น 60 ล้านคนต่อปี สำหรับ ทดม. มีโครงการพัฒนา ทดม. ระยะที่ 3 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการรองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี.