สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ว่านายซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกกลุ่มตาลีบัน แถลงที่กรุงคาบูล เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกของมูจาฮิด นับตั้งแต่กองทัพสหรัฐยกทัพเข้ามาโค่นอำนาจรัฐบาลตาลีบัน เมื่อปี 2544
ทั้งนี้ มูจาฮิดกล่าวในตอนหนึ่งว่า "ทุกคนได้รับการให้อภัย" กลุ่มตาลีบัน "ไม่ประสงค์และไม่แสวงหาการสร้างศัตรูทั้งภายในและภายนอก" และผู้หญิงทุกคนในอัฟกานิสถานสามารถออกจากบ้านไปทำงาน ไปเรียน และดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างเสรี "แต่ขอให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายชารีอะห์" โดยยังปฏิเสธขยายความ

ขณะที่การปลูกฝิ่น "จะหมดไป" โดยมูจาฮิดกล่าวว่า อัฟกานิสถาน "ต้องไม่ใช่ดินแดนแห่งการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวฝิ่นอีก" แต่ต้องได้รับความสนับสนุนจากประชาคมโลกด้วย
เกี่ยวกับประเด็นการเข้าสู่กรุงคาบูล เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มูจาฮิดกล่าวว่า เดิมทีกลุ่มตาลีบันต้องการปักหลักอยู่ที่หน้าประตูของเส้นทางหลักเข้าสู่เมืองหลวง เพื่อรอการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติจากรัฐบาลของประธานาธิบดีอัชราฟ กานี อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะรัฐบาลของกานี "ล้มเหลวและไร้ประสิทธิภาพ" กลุ่มตาลีบันจึงจำเป็นต้องเคลื่อนพลเข้าสู่กรุงคาบูล "เพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชน" และ "ผดุงไว้ซึ่งเสถียรภาพด้านความมั่นคง" และรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดแนวทางอย่างเป็นทางการ
นายซาบิฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกกลุ่มตาลีบัน จับมือกับผู้สื่อข่าว หลังเสร็จสิ้นการแถลง “แบบเห็นหน้า” เป็นครั้งแรก ที่กรุงคาบูล
แม้การแถลงดังกล่าวของมูจาฮิดเต็มไปด้วย "การส่งสัญญาณประนีประนอม" มากที่สุดของกลุ่มตาลีบัน เมื่อเทียบกับท่าทีก่อนการร่วงจากอำนาจเมื่อ 20 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังคงเคลือบแคลงสงสัย และไม่ไว้วางใจมากนัก โดยสหรัฐและสหภาพยุโรป ( อียู ) กล่าวเป็นเสียงเดียวกัน ว่าจะให้การยอมรับและร่วมงานกับรัฐบาลตาลีบัน เมื่ออีกฝ่ายปกครองอัฟกานิสถานภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการไม่ลิดรอนสิทธิสตรี.

เครดิตภาพ : AP