กรณี นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.หินซ้อน จ.สระบุรี ให้ดำเนินคดีกับ นายยืนยง โอภากุล หรือ “แอ๊ด คาราบาว” ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง ในข้อหา ครอบครองที่ดิน น.ส.3 ก. แปลงที่ 1 ออกเอกสารโดยมิชอบ/บุกรุกป่าครอบครองพื้นที่ป่าไม้ถาวร พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และกล่าวโทษเจ้าพนักงานป่าไม้ฐานละเว้น (157) ตามที่ได้เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

ที่ดิน ‘แอ๊ด คาราบาว’ ไม่อยู่ในเขตป่าสงวน-ป่าไม้ถาวร เร่งลุยสอบแปลงติดกัน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. พนักงานสอบสวนตำรวจภูธร จ.สระบุรี เชิญเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายคม ศรีสวัสดิ์ หน.ศูนย์ป้องกันและปราบปราม ที่ 1 ภาคกลาง กรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส. พ.ต.อ.ไพโรจน์ ตีรโสภณ รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี หัวหน้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ ทองเพียร, พ.ต.อ.สมคิด สาวิสัย ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.สระบุรี พ.ต.ต.ธีรสิทธิ อโปกุล สว.หินซ้อน ร.ต.อ.สัมพันธ์ หมื่นพินิจ พนักงานสอบสวน เจ้าของคดี นายทนงยุทธ จันทกูล นายก อบต.ท่าคล้อ เจ้าหน้าที่จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.สระบุรี ผู้แทน สำนักงานที่ดิน จ.สระบุรี สาขา (แก่งคอย) เจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาที่ดิน สระบุรี เจ้าหน้าที่จาก กรมเจ้าท่า สาขา ลพบุรี ฝ่ายปกครอง อ.แก่งคอย และ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ร่วมลงพื้นที่บ้านท่าสะบก หมู่ 2 ต.ท่าคล้อ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี โดยมี น.ส.ศิริลักษณ์ อ่านเปรื่อง (ผู้เช่า) ที่ดินฯ และนายไกรวุฒิ โควินทะสุต ให้การต้อนรับ พร้อมยินยอมนำคณะเข้าตรวจสอบพื้นที่ด้วยความเต็มใจ และเป็นที่น่าสังเกตว่าประตูรั้วเหล็กที่กั้นบริเวณทางขึ้น และแผ่นป้ายสีขาวที่มีข้อความ “น้ำ ผา ป่าใหญ่แคมป์” ที่เคยติดไว้ตามข้างทาง ถูกรื้อปลดออกไปหมดแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ก่อนเข้าถึงแคมป์ที่ทำการ น้ำ ผา ป่าใหญ่ มีถนนคอนกรีตระยะทางประมาณ 900 เมตร บริเวณที่ทำการฯ เป็นลานดินกว้าง สลับต้นไม้ พบมีการก่อสร้างรีสอร์ท กางเต็นท์ 18 หลัง อาคารสำหรับบริการอาหาร 1 หลัง ห้องสุขา 15 ห้อง อาคารเก็บเรือ และอุปกรณ์ชูชีพ 1 หลัง ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ออกเดินสำรวจโดยรอบพบหลักหมุด 4 หมุด มีแม่น้ำป่าสักโอบล้อมไปทางทิศตะวันตก ฝั่งตรงข้ามเป็นหน้าผาสูงชัน (ถ้ำหมีเหนือ/เสือใต้) อดีตเคยมีลวดสลิงขึงข้ามแม่น้ำป่าสักระหว่างรีสอร์ท-หน้าผา ปัจจุบันถูกถอดออกแล้ว เจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงานต่างร่วมกันถ่ายภาพและจดบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

หลังเสร็จสิ้นการตรวจที่เกิดเหตุ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม รองอธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เป็นคดีแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับคดีตามที่คุณวีระ แจ้งความไว้ โดยมีหน่วยงานหลักๆ เช่น กรมป่าไม้ กรมที่ดิน กรมอุทยานฯ กรมพัฒนาที่ดิน กรมเจ้าท่าฯ มาร่วมตรวจสอบ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้บันทึกถ้อยคำไว้ประกอบสำนวนของคดี คือกรณี การออก น.ส.3 ก. โดยมิชอบในเขตป่าสงวนซึ่งก็ต้องแสวงหาความจริง และในเรื่องรั้วประตูทางเข้าที่กรมป่าไม้ตรวจสอบแล้วอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อยู่ในเขตรับผิดชอบของกรมป่าไม้ และกรมพัฒนาที่ดิน ก็บอกแล้วว่าอยู่ในเขตป่าฯ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องขยายผลกันต่อไป

นายชีวะภาพ แจงต่อว่า เรื่องประตูรั้วได้สอบถาม “ผู้เช่า” ได้ยอมรับแล้วว่าเป็นความผิดที่ประตูรั้ว โดยอ้างเรื่องความปลอดภัย ที่ทำขึ้นเพราะไม่ทราบว่าเป็นพื้นที่ป่าไม้ เมื่อทราบก็ได้ทำการรื้อถอนออกแล้ว เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการ เบื้องต้นผู้ประกอบการ (ผู้เช่า) รับว่า ได้เช่าพื้นที่ดังกล่าวมากว่า 10 ปีแล้ว ทำกิจกรรมเกี่ยวกับ แอดเวนเจอร์ ปีนเขา กรณีถนนแห่งนี้เคยมีการแจ้งความดำเนินคดีมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อปี 2537 เรื่องเดิมเป็นอย่างไรต้องไปคัดคำพิพากษา ว่าเรื่องเดิมเป็นอย่างไร ในส่วนที่เกิดขึ้นใหม่ถือเป็นความผิดใหม่ที่ต้องดำเนินการ

รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า สุดท้ายคือเรื่อง น.ส.3 ก. วันนี้มี 2 หน่วยงานหลักคือ กรมป่าไม้, กรมที่ดิน จะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงว่าเอกสารดังกล่าว ออกมาอย่างไร ชอบหรือไม่ชอบ ถ้าออกโดยไม่ชอบก็ต้องเพิกถอน เมื่อเพิกถอนเสร็จก็จะกลับมาเป็นป่า ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 ซึ่งข้อเท็จจริง ทางกรมที่ดินและกรมป่าไม้ได้ยืนยันแล้วว่าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าไม้ถาวรแต่ยัง (ไม่ได้ยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร) แต่พร้อมที่จะให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตามตนขอยืนยันได้ว่า เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ความยุติธรรมจะเกิดขึ้นกับประชาชน ผู้เช่า และผู้ร้องเรียนคือคุณวีระ และเจ้าหน้าที่ ที่สำคัญคือเจ้าพนักงานจะเข้าข่าย “ผู้ละเว้น” ตามที่คุณวีระ กล่าวโทษไว้ก็ต้องดูกันต่อไป

พ.ต.อ.ไพโรจน์ ตีรโสภณ รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี เผยว่า ทางตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรีได้ตั้งชุดคณะพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวน ทำการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ โดยมีตนเองเป็นหัวหน้าชุดคณะสอบสวนชุดนี้ ซึ่งในวันนี้ได้ทำหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ป่าไม้ กรมเจ้าท่าฯ และอีกหลายหน่วยงาน เข้ามาร่วมตรวจสอบ หลังจากผลการตรวจสอบออกมา ก็จะเชิญมาสอบปากคำ เพื่อสอบสวนว่าข้อเท็จจริงในคดีนี้เป็นอย่างไร ผู้เสียหายเป็นอย่างไร จะต้องดำเนินคดีในเรื่องใดบ้างต่อไป.