เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ห้องประชุมใหญ่ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะได้แถลงผลปฏิบัติการ ตรวจค้นจำนวน 53 จุดในพื้นที่ 18 จังหวัด เพื่อปราบเอเจนซี่เปิดมูลนิธิเอื้อประโยชน์ต่อวีซ่ากลุ่มทุนจีนสีเทา
โดยการปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสืบสวนจับกุมกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจสถานบันเทิงในประเทศไทยโดยใช้คนไทยเป็นนอมินี แต่แอบแฝงด้วยธุรกิจสีเทา ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด หรือคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ขยายผลสืบสวนจับกุมกลุ่มทุนจีนสีเทาเหล่านี้ และเข้าตรวจค้นยึดทรัพย์สินได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนประสานความร่วมมือไปยัง บช.น. บช.ภ.1, บช.ภ.2 บช.ภ.3 บช.ภ.4, บช.5 บช.ภ.7 สตม. และ บช.ทท. เปิดปฏิบัติการเข้าค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 53 จุด อยู่ใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ ลำพูน น่าน หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา ยโสธร อำนาจเจริญ ขอนแก่น และอุดรธานี
โดยผลการตรวจค้นกลุ่มที่ 1 กลุ่มมูลนิธิและสถานศึกษา ตรวจยึดเอกสารการสมัครเรียนและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบความผิดปกติจํานวนมาก กลุ่มที่ 2 ผับเบบี้เฟส ซูเปอร์คลับ เอกมัย ตรวจยึดอายัดทรัพย์ เพื่อตรวจสอบ ลำโพง ยี่ห้อ aike Audio จำนวน 82 ตัว ไฟสแกน (ไฟ Beam) จำนวน 176 ตัว เครื่องทำควัน/ไอน้ำ จำนวน 25 ตัว, ไฟสำหรับทำแสง เลเซอร์ จำนวน 10 ตัว ตรวจยึดทรัพย์ ไฟสแกน (ไฟ Beam) จำนวน 3 ตัว กระสุนปืนพลุ จำนวน 261 ชิ้น ปืนสำหรับยิงพลุ (กระบอกเล็ก) จำนวน 11 กระบอก ปืนสำหรับยิงพลุ (กระบอกใหญ่) จำนวน 2 กระบอกน้ำยาสโมคยี่ห้อ DJ RABBIT จำนวน 10 ลัง (40 แกลลอน) น้ำยาสโมค ยี่ห้อ YEROMCA จำนวน 6 ลัง (24 แกลลอน)
ผับ Space Plus และบริษัท สเปซ พลัส คลับ ตรวจยึดอายัดทรัพย์ เพื่อตรวจสอบ ไฟติดตั้งเวที(LED+BEAM) จำนวน 150 ชิ้น, ไฟติดตั้งเวที BEAM XD-LIGHT) จำนวน 35 ชิ้น จักรยานออกกำลังกาย (PS300)จำนวน 81 คัน, ไฟสปอร์ตไลท์ ยี่ห้อ ACME จำนวน 4 ชิ้น, ไฟสปอร์ตไลท์ ยี่ห้อ ADJ จำนวน 4 ชิ้น, ลูมอม มีไฟจำนวน 1000 ชิ้น, พลุ แบบยาว(ใช้ไฟฟ้า) (ลังละ 20 อัน) จำนวน 260 ลัง, รถไฟฟ้าเด็กเล่น จำนวน 3 คัน, กำไลข้อมือเรืองแสง (ลังละ 48 อัน) จำนวน 50 ลัง, แก้วน้ำพลาสติก ลังละ 100 อัน) จำนวน 93 ลัง, ซองกันน้ำโทรศัพท์(ลังละ 500 อัน) จำนวน 40 ลัง, ถังขยะ (ลังละ 6 อัน) จำนวน 3 ลัง, แก้วน้ำ จำนวน 60 ชิ้น, แก้วน้ำโปเกม่อนจำนวน 60 ชิ้น, แก้วยาว (ลังละ 72 อัน) จำนวน 40 ลัง, น้ำยาควันเวที DT4 (ลังละ 70 อัน) จำนวน 4 ลัง ซึ่งทุกอย่างนำเพื่อตรวจสอบความผิดตามเกี่ยวกับ พรบ.ศุลกากร กลุ่มที่ 3 ความผิดเกี่ยวกับนายหลิน หลง ตรวจพบเสื้อคล้ายเครื่องแบบทหารพร้อมเครื่องหมายประดับคล้ายยศพันเอก จำนวน 1 รายการ ไวน์และสุราต่างประเทศ โดยตรวจยึดตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต และศุลกากร
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า หลังจากช่วงที่ผ่านมา ได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลเกี่ยวกับการจับกุมกลุ่มทุนจีนสีเทาที่ใช้คนไทยเป็นนอมินีในการทำธุรกิจในไทย ทำให้พบแผนประทุษกรรมที่เป็นรูปแบบใกล้เคียงกันของกลุ่มดังกล่าว โดยพบว่ากลุ่มดังกล่าวจะใช้เหตุผลในการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรไทยโดยอ้างเหตุจากการศึกษา หรือเป็นอาสาสมัครมูลนิธิต่างๆ ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ได้มีการดำเนินการตามที่กล่าวอ้าง ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบกลุ่มเอเจนซี่เหล่านี้ เพื่อมิให้คนไม่ดีใช้เป็นเครื่องมือหรือเป็นช่องทางในการอยู่อาศัย กระทำความผิดในประเทศไทยเราได้ นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบถึงเจ้าของหรือผู้เปิดมูลนิธิหรือสถานที่เหล่านี้ รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วยว่า ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนจีนสีเทาหรือไม่ หากพบการกระทำความผิดจะขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
นอกจากนี้จากการเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 25/48 หมู่ 1 ต.สันกลาง อ.สันป่าตอง จว.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายนี่ ยี่โป เอเย่นต์รับต่อสีวีซ่าให้กลุ่มชาวจีน โดยการขอวีซ่าประเภทมูลนิธิผ่าน มูลนิธิ ครีเอทิ่ง บาลานซ์ ซึ่งมีนายวรกฤต (สงวนนามสกุล) เป็นประธานมูลนิธิ ได้มีการตรวจพบว่ามีการสวมสิทธิ นำชื่อของ นายกรกฤต แสดงตนเป็นบิดาของ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) ซี่งแท้จริงแล้วเป็นบุตรของนายนี่ ยี่โป กับนางเกา หยาง เพื่อให้ ด.ญ.เอ ได้สัญชาติไทย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับนายนี่ ยี่โป และนางเกา หยาง ในความผิดฐาน “ร่วมกันทำ ใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือกระทำการเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นมีชื่อ หรือมีรายการอย่างหนี่งอย่างใดในทะเบียนบ้านหรือเอกสารการทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2534 มาตรา 50 ประกอบ ป.อาญา มาตรา 83, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็น เท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตาม ป.อาญามาตรา 137, 83 และ ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตาม ป.อาญา มาตรา 267, 83
“ส่วนการตรวจค้นทั้งหมดเราพบหลักฐานเป็นเอกสารจำนวนมาก ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบเพื่อเอาผิดกับผู้ทื่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับตำรวจ ตม. ที่มีเอี่ยวกับกลุ่มทุ่นจีน ตอนนี้อยู่ในระหว่างรวมรวบหลักฐาน คาดว่าอาทิตย์หน้าจะเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาได้ ส่วนใครจะโดนบ้างต้องรอดูอาทิตย์หน้า แต่บอกได้แค่ว่าเยอะมากหลายคน ตอนนี้เราก็จะเร่งปราบปรามอย่างหนักกับกลุ่มทุนจีน เพราะยังเหลืออีกมาก เราต้องปราบก่อนจะเกิดความล่มสลาย” รอง ผบ.ตร. กล่าว.