สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ว่า สภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่น หรือสภาไดเอท มีมติเสียงข้างมาก ในการประชุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รับรองกฎหมายห้ามองค์กรทุกแห่ง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ขอรับบริจาคหรือเรี่ยไร เงินและทรัพย์สินจากประชาชนในทุกกรณี
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณ 5 เดือน หลังเหตุลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาบะ เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งคนร้าย คือ นายเทตสึยะ ยามากามิ ให้การเกี่ยวกับแรงจูงใจว่า มาจากความเชื่อที่อดีตผู้นำญี่ปุ่นมีความเกี่ยวข้อง กับสวนสหพันธ์ครอบครัวเพื่อความสามัคคีและสันติภาพโลก ( เอฟเอฟดับเบิลยูพียู ) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โบสถ์แห่งความสามัคคี” เนื่องจากมารดาของยามากามิเป็นสมาชิก และบริจาคเงินให้เป็นจำนวนมาก ทำให้ครอบครัวเกิดปัญหา
Japan enacts law to prohibit malicious solicitation for donationshttps://t.co/bToIeMp4Xy
— Nikkei Asia (@NikkeiAsia) December 10, 2022
ทั้งนี้ เป็นกรณีแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่สภาไดเอทประชุมกันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่ออภิปรายขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับร่างกฎหมาย และลงมติให้การรับรอง โดยสาระสำคัญของกฎหมาย คือการห้ามมิให้องค์กรทางศาสนา “สร้างความสับสน” ให้แก่ประชาชน ด้วยเฉพาะกลยุทธ์ “การสร้างความหวาดกลัว” เพื่อให้ประชาชนบริจาคเงินหรือทรัพย์สินอื่นใด สมาชิกขององค์กรแห่งใดซึ่งฝ่าฝืน อาจต้องรับโทษจำคุกนานสูงสุด 1 ปี หรือปรับเป็นเงินสูงสุด 1 ล้านเยน ( ราว 253,105.60 บาท )
แม้องค์กรอ้างว่า “เป็นการบริจาคโดยสมัครใจ” แต่หากเป็นการดำเนินการที่เกิดขึ้นโดยกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว คู่สมรสและบุตรซึ่งเป็นทายาทสายตรงของผู้บริจาค สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นจะพิจารณาและประเมิน “ประสิทธิภาพ” ของกฎหมายนี้ ภายในระยะเวลา 2 ปีแรกหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ เนื่องจากยังมีประเด็นเป็นที่ถกเถียง เกี่ยวกับ สิทธิในการใช้ทรัพย์สิน และเสรีภาพในการนับถือศาสนา ซึ่งทั้งสองเรื่องได้รับการคุ้มครองภายใต้รัฐธรรมนูญ.
เครดิตภาพ : REUTERS