จากกรณี ช่วงค่ำของวันที่ 23 ธ.ค. ที่ผ่านมา ตร.ฝ่ายสืบสวน นำตัวผู้ต้องสงสัย 3 ราย ที่ปรากฏภายในภาพวงจรปิด คือเลขาฯ กับแฟนและคนสนิทของนายประสิทธิ์ มาสอบปากคำ หลังเหตุ นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยในคดีฉ้อโกง พยายามหลบหนี ขณะถูกเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ควบคุมตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

รับแล้วหนึ่ง! คนสนิท ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ สารภาพซุกเสื้อผ้าให้ ตร.แจ้งข้อหาหนัก

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ที่ สน.พหลโยธิน พ.ต.อ.เอกชิศณุพงศ์ สุริยานนท์ ผกก.สน.พหลโยธิน เปิดเผยจากการสอบสวนผู้ต้องสงสัย 3 ราย ที่อาจมีส่วนช่วยนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนว่า มีผู้ให้การเป็นประโยชน์และรับสารภาพว่ามีส่วนช่วยเหลือนายประสิทธิ์หลบหนีจริง คือ นายสมประสงค์ ทิพย์สุคนธ์ อายุ 56 ปี จึงแจ้งข้อกล่าวหา เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้ต้องขังในอำนาจของศาลหลบหนี โดยเมื่อช่วงเช้า ได้ส่งฝากขังที่ศาลแขวงพระนครเหนือแล้ว ส่วนอีก 2 คน เลขาฯ นายประสิทธิ์ และแฟนสาว ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ จากการตรวจสอบพยานหลักฐานยังไม่แน่ชัดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำผิดชัดเจนอย่างไร จึงปล่อยตัวไปก่อน แต่หากพบหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงจะเรียกมาสอบอีกครั้ง

และในช่วงบ่ายนี้ เจ้าหน้าที่จะไปแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ นายประสิทธิ์ ที่เรือนจำ ในข้อหาหลบหนีการควบคุมตามอำนาจของศาล ทั้งนี้ จากการสอบปากคำ นายสมประสงค์ อ้างว่าได้รับการร้องขอให้ช่วยเอาเสื้อผ้ามาให้ ไม่ได้มีการเตรียมการมาก่อน หรือไม่ได้มีการจ้างวานแต่อย่างใด โดยนายประสิทธิ์กระซิบบอกในห้องพิจารณาคดี จากนั้นจึงลงไปเอาเสื้อผ้าในรถมาให้ โดยไปนั่งรออยู่ในห้องน้ำ เมื่อนายประสิทธิ์เข้ามา จึงยื่นออกมาให้ทางใต้ประตู เมื่อนายประสิทธิ์แต่งตัวเสร็จก็ออกไป โดยปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกุญแจที่ไขข้อโซ่เท้า ส่วนเงิน 1 หมื่นที่พบในตัว อ้างว่าเป็นเงินที่ใช้สนับสนุนที่เตรียมให้ใช้หลังจากหลบหนีไปได้

ทั้งนี้ นายสมประสงค์ ยังอ้างอีกว่า เป็นผู้เสียหายจากการถูกนายประสิทธิ์ฉ้อโกง ที่ให้การช่วยเหลือ ทำลงไปเพราะคิดว่าจะได้เงินคืน ส่วนเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ยืนเฝ้าหน้าห้องน้ำ บอกว่าสาเหตุที่ไม่วิ่งติดตามนายประสิทธิ์ไป เพราะต้องเฝ้านักโทษอีกคนที่เข้าห้องน้ำเหมือนกัน สำหรับกุญแจที่นำมาไขที่ข้อเท้านายประสิทธิ์ ยังไม่ชัดเจนได้มาอย่างไร อยู่ระหว่างสืบสวน ประกอบกับทางเรือนจำที่จะไปตรวจสอบและสอบสวนเจ้าที่เรือนจำด้วย

พ.ต.อ.ชิศณุพงศ์ ย้ำว่า ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 จะให้การอย่างไร ตำรวจต้องพิสูจน์ทราบว่าจริงเท็จตามคำให้การหรือไม่ และจะขยายผลตรวจสอบพยานบุคคล หลักฐานเพิ่ม และไล่กล้องงวงจรปิดต่อไป ซึ่งทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจต่อกรณีดังกล่าว จะดำเนินการอย่างรัดกุมที่สุด