เมื่อวันที่ 8 ม.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ร้องเรียนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบกรณีพรรคเพื่อไทยใช้ภาพของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในป้ายนโยบายพรรค โดยไม่มีรูปหัวหน้าพรรคอยู่ในป้าย ว่าขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่ ว่า พรรคเพื่อไทย ทำทุกอย่างตามกฎหมาย ขณะที่ระเบียบของ กกต.ก็กำหนดชัด สามารถใส่ภาพบุคคลได้ 4 กลุ่ม คือ หัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ผู้สมัคร และสมาชิกพรรค ซึ่งน.ส.แพทองธาร เป็นสมาชิกพรรคแบบตลอดชีพ ดังนั้น ถือว่าไม่มีความผิดใดๆ จึงให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบประเด็นนี้อยู่ว่า คำร้องของนายเรืองไกร เข้าข่ายใส่ร้าย ป้ายสีพรรคการเมืองหรือไม่

เมื่อถามถึงกรณีที่ป้ายพรรคเพื่อไทย ถูกทำลายในหลายพื้นที่นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ได้เก็บรวบรวมความเสียหายทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำคนทำลายมาดำเนินคดีแล้ว โดยฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังดำเนินการอยู่

นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงข่าวอดีตรองนายกรัฐมนตรี มีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาวกับภรรยาของคนอื่น โดยมีการตั้งข้อสังเกตโยงมาถึงพรรคเพื่อไทยว่าอยู่ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น เรื่องนี้ตนเพิ่งทราบว่ามีข่าวว่า เป็นรองนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย แต่ยังไม่ระบุว่าเป็นใครหรือสมัยไหน แต่หากเกี่ยวข้องกับพรรคต้องมาดูรายละเอียดว่าเกี่ยวในสมัยไหน พฤติกรรมพฤติการณ์โยงมาสมัยปัจจุบันจริงหรือไม่ เพราะเรื่องเหล่านี้สังคมไม่ยอมรับอยู่แล้ว และพรรคไม่สนับสนุน ซึ่งก็ว่ากันไปตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และย้ำว่า ถ้าไม่เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ก็ว่ากันไป

เมื่อถามว่า หากทนายตั้มเปิดข้อมูลมาแล้วโยงมาถึงพรรค จะตั้งกรรมการสอบหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ต้องพิจารณาว่าเกี่ยวข้องกับพรรคส่วนไหนอย่างไร ถ้าเปิดมาแล้วไม่เกี่ยวข้องกับยุคปัจจุบัน เป็นอดีตเมื่อ 10 ปีก่อนก็ไปดูข้อเท็จจริงตรงนั้นว่าจำเป็นต้องมีการตรวจสอบหรือไม่ ถ้าไม่ได้เป็นสมาชิกและเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและหากขึ้นในอดีตก็ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความชัดเจนเพื่อชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ทนายตั้มแย้มตัวอักษรย่อ “ย” นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ ขอดูรายละเอียดก่อน

เมื่อถามว่าประเด็นดังกล่าวถือเป็นการดิสเครดิตก่อนการเลือกตั้งหรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า มันก็คิดได้ เพราะเท่าที่ดูตามสื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นปี และเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว เมื่อดูเหตุดูผลก็คิดได้ว่าเกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองหรือไม่อย่างไร แต่หากมองอีกมุม ทนายตั้มเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยก็ออกมาปกป้องพรรคก็เป็นได้ ย้ำว่าตนจะไม่มีการคุยหลังไมค์กับทนายตั้ม เพราะถ้าหลังไมค์ไปทั้งพรรค และทนายตั้มจะพังด้วยกันหมด แต่ถึงอย่างไร พรรคเพื่อไทยมีรูปแบบคณะกรรมการในการตรวจสอบ และมั่นใจว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นห่วง.