ระหว่างรับมอบกระเช้าอวยพรปีใหม่จากข้าราชการและเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ผ่านมา พบหลักฐานการเรียกรับผลประโยชน์คาตาเป็นเงินสดเกือบ 5 ล้านบาท โดยมี “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร”ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ร่วมในปฏิบัติการพลีชีพวางบอมบ์ในครั้งนี้ ด้วยเหตุผลว่าเหลืออดเหลือทนกับการซื้อขายตำแหน่ง รีดเลือดกับปู ข้าราชการตัวเล็กตัวน้อยต้องจ่ายส่วยให้อธิบดีมาตลอด
กระแสข่าวการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงทรัพยากรฯ เป็นเรื่องที่ขึ้นชื่อลือชามานานนม ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในยุคนี้เท่านั้น เป็นที่รับรู้กันว่าใช้หน่วยเงินเป็น “กิโลกรัม” คือเงิน 1 ล้านบาทเท่ากับ 1 กิโลกรัม สำหรับการซื้อขายเก้าอี้หัวหน้าอุทยานฯ ชื่อดัง หรือตำแหน่งบริหารสำคัญๆ ไปจนถึงเก้าอี้อธิบดีกรมต่างๆ แต่ที่ผ่านมาก็เป็นเพียงกระแสข่าวเท่านั้น ไม่เคยมีใครจับได้คาหนังคาเขาเหมือนคราวนี้

ล่าสุดผลการสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีอธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการในสังกัด ที่มี “กุศล โชติรัตน์” รองปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ เป็นประธาน คลอดออกมาแล้ว สรุปว่าอธิบดีกรมอุทยานฯ มีความผิดทางวินัยร้ายแรงและเรียกรับเงินจริง จากนั้น “ปลัดตุ๋ม” “จตุพร บุรุษพัฒน์”ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง มอบหมายให้“เถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ” รองปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ รับไม้ต่อ กำหนดกรอบการทำงาน 30 วัน โทษทางวินัยมีตั้งแต่ภาคทัณฑ์ถึงไล่ออก ส่วนเรื่องคดีอาญาเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะสืบสวนสอบสวนต่อไป
ขณะที่ “ศศิน เฉลิมลาภ” ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ร่อนแถลงการณ์จี้คืนความชอบธรรมให้บุคลากรและการบริหารงานในกรมอุทยานฯ ส่งถึง “บิ๊กตู่” “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “วราวุธ ศิลปอาชา” รมว.ทรัพยากรฯ และรักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกร้องให้คืนความเป็นธรรมให้ข้าราชการที่ถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม พร้อมหยุดขบวนการเคาะกะลาทำลายป่าในกรมอุทยานฯ
เหตุสะเทือนวงการข้าราชการไทยครั้งนี้ เหมือนฝีที่แตกออกในยุครัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงและรัฐบาลเรือเหล็กของ “บิ๊กตู่” หากอยากจะกู้หน้าขึ้นมาบ้าง ต้องอำนวยให้กระบวนการยุติธรรมเดินเป็นเส้นตรง เพราะสังคมกำลังจับตาดูอยู่ว่าเรื่องนี้จะสาวไปถึงปลาตัวใหญ่แค่ไหน เส้นทางส่วยจะถูกตัดตอนที่อธิบดีกรมอุทยานฯ แค่นั้นจริงๆ หรือ?