จากกรณี ตำรวจ 191 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ “ดีเอสไอ” ได้เข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งมีการแอบอ้างว่า ได้รับการรับรองจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย แต่ภายในกลับมีคนจีนเข้าออกพลุกพล่าน หลังเข้าตรวจค้นตามหมายค้นของศาลแล้ว พบคนจีน 1 ราย พร้อมเงินสดจำนวน 2.5 ล้านบาท จึงได้ทำการตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อทำการตรวจสอบ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ออกมายื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบกรณีดังกล่าว โดยให้ข้อมูลว่า แท้จริงแล้วได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 10 นาย และเจ้าหน้าที่ DSI 3 นาย ร่วมกันเข้าค้นบ้านในวันดังกล่าว โดยตรวจพบบุคคลสัญชาติจีนในบ้านหลังดังกล่าวมากถึง 11 คน รวมทั้งยังพบเงินสดภายในบ้านอีกกว่า 10 ล้านบาท แต่เจ้าหน้าที่กลับเรียกรับผลประโยชน์จำนวน 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวคนจีนทั้ง 11 คน และนำตัวหญิงชาวจีนซึ่งเป็นคนดูแลบ้าน พร้อมเงินสดเพียง 2.5 ล้านบาท ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 15 ม.ค. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้ว ซึ่งพบว่ามีเหตุการณ์ตามที่กล่าวเกิดขึ้นจริง จึงได้สืบสวนขยายผลจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 เจ้าหน้าที่ DSI รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 16 ราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและ DSI ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว จำนวน 15 นาย ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีหลักประกัน

โดยในวันจันทร์ที่ 16 ม.ค.66 นี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. จะมีการประชุมเร่งรัดคดี รวมทั้งมีการแถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีดังกล่าว ณ สน.ทุ่งมหาเมฆ ในเวลา 13.00 น.

อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าว มีรายงานว่าวานนี้ (14 ม.ค.) ทางพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจ191 ในฐานความผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเบื้องต้นทั้งหมดได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งขั้นตอนจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะทำการสรุปสำนวนเพื่อยื่นฟ้องต่อปปช.ตามขั้นตอนต่อไป