เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ มีนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น แจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจท่องเที่ยวว่าถูกคนร้ายขโมยกระเป๋าสะพายสีเขียวที่วางไว้ในที่เก็บสัมภาระเหนือที่นั่งผู้โดยสารภายในเครื่องบิน ภายในมีทรัพย์สินและเงินสดหลายรายการ โดยมารู้ตัวขณะที่กำลังลงจากเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสายตรวจของตำรวจท่องเที่ยวประจำสนามบิน จึงร่วมกับสายตรวจพิเศษ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สั่งบูรณาการกำลังและประสานศูนย์สุวรรณภูมิ ตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างเร่งด่วน

กระทั่งพบภาพขณะที่มีนักท่องเที่ยวชาย 2 คน สะพายกระเป๋าเป้สีเขียวของผู้เสียหายออกมาจากอาคารเทียบเครื่องบิน สายการบินเดียวกันกับผู้เสียหายเดินออกมา ศูนย์ความปลอดภัย CCTV ท่าอากาศสุวรรณภูมิ จึงตรวจสอบกล้องติดตามชายต้องสงสัยสองคนไป จนพบว่ากำลังไปต่อเครื่องบินไป จ.อุบลราชธานี และกำลังผ่านเครื่องสแกนของเจ้าหน้าที่การท่า เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ได้ขณะกำลังรอขึ้นเครื่องบิน พร้อมของกลางเป็นกระเป๋าสะพายของผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น ที่มาแจ้งความร้องทุกข์ไว้ก่อนหน้านี้ไม่ถึงชั่วโมง ก่อนนำตัวกลับมาที่สถานีตำรวจนักท่องเที่ยวประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อสอบสวนขยายผล

พ.ต.ท.อัครพัชร์ ทองศรีวาณิช รอง ผกก.3 บก.ทท.1. เปิดเผยว่า ตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 เป็นชาวกัมพูชา ทราบชื่อ นายโกรด เซาะเพื่อน อายุ 38 ปี และ นายเปรน เซาะเกลย อายุ 38 ปี ตรวจสอบภายในกระเป๋าพบทรัพย์สินจำนวนมาก ทั้งไอแพด หูฟัง เงินสดไทย-ญี่ปุ่น รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณกว่า 100,000 บาท โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง เพราะจำนนด้วยหลักฐาน ซึ่งพฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้คือ เป็นผู้โดยสารที่นั่งเครื่องบินมาจากกรุงพนมเปญ มาลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อไปพบแพทย์ที่อุบลราชธานี โดยนั่งมาในที่นั่งแถวเดียวติดกันกับผู้เสียหายแล้วผู้เสียหายและผู้ต้องหานำกระเป๋าสะพายไว้ในที่เก็บสัมภาระเหนือหัวที่นั่งผู้โดยสาร

พ.ต.ท.อัครพัชร์ เผยอีกว่า แต่พอเครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิผู้ต้องหาทั้งสองกลับไม่หยิบเอากระเป๋าของตนเองไปแต่หยิบเอากระเป๋าของผู้เสียหายที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นไปแทน ซึ่งเจ้าตัวทราบดีว่าไม่ใช่กระเป๋าของตนเองเพราะมีการค้นกระเป๋าผ่านเครื่องสแกนและเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นเครื่องไปอุบลราชธานีแล้ว แต่ไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าหยิบกระเป๋าผิดไปและจงใจนำเอาไปเป็นทรัพย์สินของตนเอง กระทั่งถูกจับกุมตัวได้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน นำตัวทั้งสองส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ส่วนทรัพย์สินทั้งหมดยังอยู่ครบ เจ้าหน้าที่ได้ส่งคืนผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นทันทีเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวที่พัทยาต่อ ซึ่งผู้เสียหายชาวญี่ปุ่นออกมาขอบคุณและกล่าวความในใจที่ประทับใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวและความรวดเร็วของเจ้าหน้าที่การท่าโดยเฉพาะศูนย์ CCTV ที่ช่วยติดตามจนพบคนร้ายและตามจับกุมตัวได้อย่างรวดเร็ว