เมื่อวันที่ 21 ม.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เชิญชวนคนไทยร่วมรำลึกถึง พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ “หมอกระต่าย” เนื่องใน “วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” 21 ม.ค. ของทุกปี ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นเตือน สร้างความตระหนักให้มีจิตสำนึกรักความปลอดภัยแก่ผู้ใช้ถนน ทุกเพศ ทุกวัย และผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท ตลอดจนส่งเสริมและสร้างการรับรู้ให้เกิดเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัย มีระเบียบวินัยในการใช้รถใช้ถนน เพื่อป้องกันมิให้เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนขึ้นอีก

รัฐบาลเน้นย้ำให้มีการป้องกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการ 4 ห้าม 2 ต้อง ได้แก่ ห้ามขับเร็ว ห้ามดื่ม-เมาขับ ห้ามง่วงขับ ห้ามโทรขับ และต้องคาดเข็มขัด ต้องสวมหมวกนิรภัยเมื่อขี่จักรยานยนต์ รวมถึงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและเพิ่มการลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ นำไปสู่เป้าหมายแห่งการสร้างถนนปลอดภัย มุ่งเน้นให้ทุกคนในประเทศมีจิตสำนึก ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทางถนนที่ยั่งยืน

นายอนุชา ยังกล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ รับทราบถึงความคืบหน้า การดำเนินการโครงการ “ข้าวรักษ์โลก BCG Model นาปรัง” ช่วยเพิ่มผลผลิตให้ชาวนา ลดต้นทุนการผลิต รักษาสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ 3 น (น้ำ นา นวัตกรรม) ซึ่งรัฐบาลได้สนับสนุนโครงการ ข้าวรักษ์โลก BCG Model นาปรัง เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับชาวนาโดยเฉลี่ยต่อไร่ได้มากกว่า ช่วยลดต้นทุนการผลิต ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ 3 น (น้ำ นา นวัตกรรม) ซึ่งผลจากการดำเนินการของโครงการในระยะที่ 1 เป็นที่น่าพึงพอใจ 

โครงการข้าวรักษ์โลกนี้ เป็นต้นแบบการปฏิวัติการทำนาแบบยั่งยืน ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเกิดจากจากแนวคิดการผลิตข้าวแบบใหม่ ด้วยการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ ลดการใช้สารเคมี ลดต้นทุนการผลิต ได้ข้าวคุณภาพสูง เป็นข้าวที่ตรงตามความต้องการของตลาด ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้น ขณะนี้โครงการ “ข้าวรักษ์โลก BCG Model นาปรัง” ดำเนินมาถึงระยะที่ 2 ที่จะสนับสนุนใน 10 จังหวัด จังหวัดละ 10 โครงการ รวม 100 โครงการ ในภาคเหนือ 4 จังหวัด, ภาคกลาง 3 จังหวัด และภาคใต้อีก 3 จังหวัด ซึ่งจะได้นำบทเรียนมาจากระยะที่ 1 ด้วย 

นายอนุชา กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีชื่นชมผลการดำเนินงานโครงการฯ ขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน ตลอดจน เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ที่ช่วยกันขับเคลื่อนโครงการนี้ ซึ่งผลสำเร็จจากโครงการ จะช่วยส่งเสริมให้ข้าวไทยสร้างมูลค่าเพิ่มได้ยิ่งกว่าในอดีต นำรายได้เข้าประเทศให้ประสบผลสำเร็จอย่างดี และนายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการข้าวรักษ์โลก จะเป็นต้นแบบในการส่งต่อความสำเร็จสู่สินค้าเกษตรอื่นๆ เพื่อให้ภาคเกษตรของไทยมีความเข้มแข็งสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ตอบโจทย์กระแสผู้บริโภคในโลกยุคปัจจุบัน ผลักดันให้ไทยเป็นแหล่งอาหาร และสินค้าเกษตรคุณภาพสูงในเวทีโลก รวมทั้งมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง