เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 13 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปยังวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ต.เวียง อ.ไชยา เข้าสักการบูชาพระบรมธาตุไชยา และนมัสการพระครูพิทักษ์เจติยานุกูล เจ้าคณะอำเภอไชยา รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร

ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินเข้าประตูทางเข้าอุโบสถของวัด ได้พบนักเรียนชั้น ป.3 และ ป.4 โรงเรียนวัดสุทธบุรราษฎร์ ต.เลม็ด อ.ไชยา จำนวน 16 คน ซึ่งครูโรงเรียนแจ้งว่าเป็น FC ลุงตู่ ให้ช่วยพามาพบ พล.อ.ประยุทธ์ และได้ทักทายบอกลุงตู่สู้ๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ บอกกับนักเรียน “ให้รักสามัคคีกันมากๆ นะจ๊ะ“

จากนั้นได้เดินพบเด็กเล็ก 2 คน ชื่อ ด.ช.กัปตัน อายุ 15 วัน และ ด.ช.อินทาม รัตนอารักขา อายุ 11 เดือน ที่พ่อแม่พามาจาก ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน และ ต.ตลาดไชยา อ.ไชยา มาทำบุญที่วัดและได้พบ พล.อ.ประยุทธ์ พอดี ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้อุ้ม ด.ช.กัปตัน และ ด.ช.อินทาม ท่ามกลางเสียงตบมือของประชาชนที่มาต้อนรับจำนวนมาก โดยเด็กทั้ง 2 ไม่มีสีหน้าตื่นกลัว

จากนั้นเดินทางต่อไปที่ว่าการอำเภอไชยา เขตเทศบาลตำบลตลาดไชยา ตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่อำเภอไชยา โดยเฉพาะบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอไชยา ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มรับน้ำจากตำบลเวียง ก่อนออกสู่ทะเล และประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากมาโดยตลอด

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเป็นประธานสักขีพยานการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก. 4-01) ได้แก่ เขตปฏิรูปที่ดินโครงการป่าชนะ อำเภอไชยา และเขตปฏิรูปที่ดินโครงการป่าใสท้อนและป่าคลองโซง อำเภอชัยบุรี พร้อมพบปะกับประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนด้วย ซึ่งมีประชาชนมาร่วมต้อนรับกว่า 5,000 คน

จากนั้นในเวลา 18.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางไปยัง หาดนายอำเภอ ต.ตะกรบ อ.ไชยา เป็นประธานเปิดงานมหกรรมว่าวสุราษฎร์ธานี (Suratthani Kite Festival) ซึ่งมีว่าวขนาดใหญ่หลากสีสันจำนวนมากทั้งว่าวไทยและว่าวนานาชาติมาร่วมแสดง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึงอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยใช้ประเพณีการเล่นว่าวของจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นสื่อกลางในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว และของดีจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้เป็นที่รู้จัก หวังให้เป็น Soft power สร้างแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้เข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น และเพื่อส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับชุมชน ท้องถิ่น และจังหวัดสุราษฎร์ธานี