จากกรณีสะเทือนขวัญที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงอยู่ในโลกออนไลน์ในขณะนี้ ภายหลังจากที่ปรากฏคลิป พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ “ผู้กำกับโจ้” พร้อมพวก รีดเงินผู้ต้องหาคดียาเสพติด ก่อนเอาถุงดำมาคลุมหัวผู้ต้องหาจนเสียชีวิต ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

โดยล่าสุด “หมอคนที่ชันสูตรพลิกศพคดีนี้” ออกมาเปิดเผยผ่าน Clubhouse ตอบคำถามทนายเกี่ยวกับเรื่องผลชันสูตรดังกล่าว ทำไมต้องลงไปว่า พิษจากสารแอมเฟตามีน ดังนี้

ปัญหาทางเทคนิค
เพราะเวลาลงเอกสารเบื้องต้น ถ้ากรอกว่าตายไม่ทราบสาเหตุ จนท. ที่อำเภอจะตีกลับ ให้หมอลงสาเหตุการตายอะไรก็ได้ไปก่อน ไม่งั้นจะมีผลในการลงบันทึกข้อมูล อันนี้เป็นปัญหาหน้างานที่พบจริงในบางพื้นที่ เคสนี้คุณหมอเลยไม่ได้ลงว่า ตายไม่ทราบสาเหตุ

สาเหตุที่ลงว่าอาจเกี่ยวข้องกับแอมเฟตามีน
เพราะจากการชันสูตร คุณหมอเจอระดับแอมเฟตามีนในร่างกายผู้ตาย และเจอร่องรอยในอวัยวะบางอย่าง คือ หัวใจ มีร่องรอยกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเป็นหย่อมๆ โดยไม่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ ซึ่งเป็นลักษณะของแอมเฟตามีนโอเวอร์โดสประการนึง ดังนั้นคุณหมอเลยลงว่า สันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับแอมเฟตามีนโอเวอร์โดสไปก่อน แต่อันนี้ยังไม่จบ จะรู้ผลชันสูตรแบบละเอียดๆ ในอีกสามวัน

ยืนยันตำรวจขอให้ลงสาเหตุการตายเกี่ยวข้องกับแอมเฟตามีน
คุณหมอบอกว่า มีตำรวจมาระบุให้หมอลงข้อมูลว่า ตายโดยเกี่ยวข้องกับแอมเฟตามีนจริงไม่งั้น ผกก. จะไม่สบายใจ แต่คุณหมอเห็นว่า ผลชันสูตรหัวใจมันก็มีความเป็นไปได้ เลยลงข้อมูลไปตามนั้น แต่คุณหมอเห็นว่า การร้องขอแบบนี้ ผิดปกติ ปกติตำรวจไม่ทำแบบนี้ จากนั้นคุณหมอก็ชันสูตรโดยละเอียด และเก็บตัวอย่างไปตรวจทั้งหมด

กรณีมีเพจนึงเผยผลแลปล่าสุดของผู้ตายว่า ไม่เจอสารเสพติดในเลือด
คุณหมออธิบายว่า ถ้างั้นน่าจะแปรผลว่า ผู้ตายเคยมีประวัติเสพสารเสพติดมาก่อน นานแล้ว และเรื่องหัวใจนั่นก็เป็นผลจากการเสพในอดีตที่ไม่เกี่ยวข้องกับสาเหตุการตายปัจจุบัน ส่วนเรื่องผู้ตาย มีข้อมูลใหม่จากคุณหมอว่า ผู้ตาย ไม่ได้ตายในทันที หลัง จนท. หามไปส่ง รพ.หมอปั๊มหัวใจขึ้น และยื้อไว้ได้ร่วมสิบชั่วโมงก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

สาเหตุการเสียชีวิตคร่าวๆ เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ 4 อย่าง
1.ขาดอากาศเสียชีวิต
2.มีสารเสพติดในร่างกายปริมาณนึง แล้วมีการกระตุ้นจากบางอย่างทำให้เสียชีวิต
3.สารเสพติดโอเวอร์โดสเสียชีวิต
4.ถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต

ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดที่แล็บเพิ่งออก น่าจะตัดข้อ 3 ออกไป เพราะไม่เจอสารเสพติดปริมาณที่สูงพอในร่างกายผู้เสียชีวิต แต่ผู้ตายอาจจะเคยเสพมาก่อน ในอดีต หรือเสพมาในปริมาณไม่มาก แล้วมีตัวกระตุ้นบางประการ กระตุ้นจนทำให้ถึงแก่ชีวิต และสารที่ว่าอาจถูกกำจัดออกจากร่างกาย ในช่วงเวลาสิบกว่าชั่วโมง ที่หมอยื้อชีวิตเขาไว้ได้หลังหัวใจหยุดเต้นรอบแรก..

ขอบคุณข้อมูลจาก @Drama-addict