เมื่อวันที่ 27 ก.พ. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศวันเลือกตั้ง 7 พ.ค.นี้ถือเป็นการส่งสัญญาณให้รัฐบาลอยู่ครบวาระอาจยุบสภาช่วงต้นเดือนมีนาคมนั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นไปตามกรอบเวลาที่นายกรัฐมนตรีบอกไว้ โดยในส่วนของงานกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีเรื่องใดที่ต้องเร่งดำเนินการก่อนหมดวาระของรัฐบาลหรือไม่นั้น ตนคิดว่ามีเรื่องใหญ่หลายเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการและต้องเกาะติดตามต่อไป เพื่อให้นโยบายเกิดขึ้นเป็นความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะนโยบายโรงเรียนคุณภาพที่เราจะต้องเร่งสร้างเครือข่ายให้เกิดการใช้ทรัพยากรร่วมกันของโรงเรียนในพื้นที่ เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง  ขณะที่โครงการอาหารกลางวันที่รัฐบาลโดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติปรับเพิ่มอัตราค่าอาหารกลางวันของนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นเด็กเล็กถึงประถมศึกษาปีที่ 6 ของสถานศึกษาในทุกสังกัดที่มีจำนวน 51,637 โรงเรียน จากปัจจุบันที่ได้รับในอัตรา 21 บาทต่อคนต่อวัน โดยปรับเพิ่มขึ้นในอัตราตามขนาดของโรงเรียน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันก็จะต้องเร่งกำกับดูแลการใช้จ่ายงบอาหารกลางวันให้เกิดประโยชน์ต่อเด็ก

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ยังมีการจัดการเรียนการสอนด้วยกระบวนการ Active Learning ซึ่งอยากให้ครูได้ปรับวิธีการสอนใหม่ให้สอดคล้องกับกระบวนการดังกล่าว เพราะจะทำให้เด็กคิดวิเคราะห์เป็นมากขึ้น รวมถึงการเติมเต็มทักษะของครูในด้านต่างๆ เช่น ทักษะด้านดิจิทัล ภาษาอังกฤษ เป็นต้น ทั้งนี้นโยบายเรื่องสถานศึกษาปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ เพราะสถานศึกษาจะต้องปลอดภัยในทุกมิติ โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดทุกรูปแบบจะต้องไม่มีอยู่ในสถานศึกษาอย่างเด็ดขาด โรงเรียนจะต้องมีมาตรการแบบเข้มข้น และสร้างการรับรู้ถึงโทษภัยยาเสพติดให้แก่นักเรียนด้วย.