เมื่อวันนี้ 26 ส.ค. ด.ต.ชัยวัฒน์ เส้งนุ้ย หรือจ่าชัยวัฒน์ อายุ 63 ปี อดีตตำรวจนักสืบคนดังแห่งเมืองตรัง และเป็นบุคคลกว้างขวางมีชื่อก้องในสังคม ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ถึงกรณีมีคลิป พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนพล หรือ “ผกก.โจ้” ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวก ใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาคดียาเสพติดก่อนเสียชีวิต โดย ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตนเองเริ่มบรรจุเป็นข้าราชการตั้งแต่อายุ 18 ปี ในปี พ.ศ.2519 หรือเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา โดยสังกัดตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ก่อนจะย้ายสายมาสังกัดตำรวจภูธร จ.ตรัง ที่ สภ.ปะเหลียน และได้ลาออกจากราชการเมื่อปี พ.ศ.2550 เหตุผลเพราะลงเล่นการเมืองท้องถิ่น

ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า หลังจากเห็นคลิปดังกล่าวแล้วรู้สึกอนาถใจ โดยเหตุการณ์คลุมถุงดำแบบนี้เกินขึ้นมานานแล้ว ยอมรับว่ามีจริงมากว่า 30 ปีแล้ว จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ตนได้พบเห็นรุ่นพี่กระทำอยู่บ่อยครั้ง ขณะที่ย้ายเข้ามาสังกัดตำรวจภูธร ในตำแหน่งหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษแต่ในขณะอยู่ในสังกัด ตำรวจ ตชด. เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะเกิดหรือมีขึ้นในปัจจุบัน แต่ในครั้งนี้เป็นเพราะโลกโซเซียลมีเดียการสื่อสารกว้างไกลมากขึ้น เลยทำให้มีคลิปออกมา โดยการกระทำเช่นนี้กับผู้ต้องหาเป็นเพราะวิธีการพิจารณาความอาญาถูกแก้ไขช่วงหลัง ให้ตำรวจมีอำนาจมากขึ้นในเรื่องของการสืบสวน

ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า สิ่งที่กระทบและต่างกันมากของตำรวจรุ่นหลังคือค่านิยมและระเบียบ โดยตำรวจรุ่นเก่า ไม่เหมือนกับสมัยนี้และในปัจจุบัน ระเบียบตำรวจเข้มงวดมากขึ้น มองหรืออ่านดูแลสวยงาม แต่เนื้อแท้ระเบียบยิ่งเข้มงวดมากเท่าไร มีอำนาจให้ตำรวจมากเท่าไรถ้าไปอยู่ที่คนไม่ดี ก็จะหยิบฉวยความเข้มงวดตรงนั้น มาเป็นประโยชน์ส่วนตน ทำให้มีตำรวจเลวเกิดขึ้นเยอะหากเหตุการณ์ที่ทำร้ายผู้ต้องหาเช่นนี้เป็นเมื่อก่อน จะถูกลงโทษทางวินัยขั้นเด็ดขาดจากผู้บังคับบัญชา แต่ปัจจุบันใครหาเงินให้นายได้เยอะ เด็กเมื่อวานซืนมันก็เรียกรุ่นพี่ว่าไอ้ ผิดจากเมื่อก่อนที่รุ่นน้องต้องฟังและเคารพรุ่นพี่ค่านิยมในเรื่องตัวเงินเช่นนี้เป็นปัจจัยหลัก

ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า มันเลยทำให้ตำรวจเลว ทำลายตำรวจดี แต่กลับกลายว่าตำรวจเลวเหล่านี้กลับโดดเด่น ถูกเห็นชอบจากกลุ่มผู้มีอำนาจและผู้บังคับบัญชา เลยทำให้เห็นว่าเด็กหรือตำรวจอายุน้อยๆในปัจจุบันได้ดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด ทั้งๆที่ตำรวจที่มีคุณธรรมหาเงินให้นายได้น้อย เริ่มถดถอยยังอยู่ในตำแหน่งต่ำต้อย ตำรวจเลวเริ่มเข้ามาแทนที่ โดยหากตนอยู่ในเหตุการณ์นั้น ตนก็จะหลีกเลี่ยงเช่นเดียวกับผู้ที่ออกมาร้อง และนำคลิปมาเผยแพร่ แต่ในคลิปเพราะอำนาจของตำรวจที่มีบัตร ป.ป.ส.ให้อำนาจควบคุมตัวได้ 24 ชม. ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ทำให้ตำรวจไม่ดีนำเอาช่องว่างตรงนี้ รวบรวมเงินกันเองไปตั้งเซฟเฮาส์ที่อยู่ในพื้นที่ลับ คิดเอาว่าตำรวจเอาเงินที่ไหนมาทำมาเช่นเพราะใช้เงินราชการไม่ได้ ก็ทำให้ต้องหาเศษหาเลยจากตรงนี้

ด.ต.ชัยวัฒน์ กล่าวว่า มองจากคลิปแล้วไม่ได้เป็นการพลั้งเผลอ ทุกคนรู้ระเบียบการพิจารณาความอาญา และที่ได้กระทำเช่นนี้เพราะความโลภผลประโยชน์นอกระบบ จึงถูกบังคับให้กระทำเช่นนี้ โดยตนวิเคราะห์เหตุการณ์ ผกก.โจ้ ครั้งนี้ว่าตำรวจที่จับกุมจะต้องวิเคราะห์สถานะการเงินของผู้ต้องหา แต่ยังไม่รู้ว่าจะให้เงินตำรวจเท่าไร และต้องมั่นใจว่าจะต้องได้เงินแน่นอน และทำไมถึงคิดว่าได้ก็เพราะเคยกระทำและเคยได้มา เมื่อจับกุมมาแล้ว ถ้าได้ของกลางเยอะ เงินก็จะได้เยอะก็เลยเรียกเงิน 1 ล้านบาท แต่เมื่อของกลางที่จับได้น้อยเลยทำการใช้ถุงดำครอบศีรษะเพื่อที่จะเค้นว่าของกลางที่เหลืออยู่ ซุกซ่อนอยู่ที่ไหน เพื่อที่จะนำเอาของกลางมาเพิ่มจำนวนเงินที่จะเรียกเพิ่มอีก 1 ล้านบาท เป็น 2 ล้านบาท หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับปริมาณของกลาง และเมื่อกระทำการคลุมถุงดำแบบนี้ทุกคนกลัวตาย ก็จะบอกแต่กรณีนี้ผู้ต้องหากลับเสียชีวิตลงก่อน

“ท้ายสุดอยากฝากบอกตำรวจรุ่นน้องว่าการเป็นตำรวจจะต้องตีความหมายของคำว่า ตำรวจ ให้ชัดโดยที่ไม่ต้องเปิดพจนานุกรม เอาจิตใจมาว่ากัน ต.เต่า คือตรากตรำ สระอำ คือ อำนาจ ร. เรือคือระเบียบ ว. แวน คือ วินัย จ.จาน คือจับ เลยอยากให้ตำรวจรุ่นน้องอ่านคำว่าตำรวจแล้วแปลด้วยจิตสำนึกเลยว่า ในอักษรที่ปรากฏว่าตำรวจมีอะไรบ้าง พ่อตนเคยเป็นอดีตตำรวจมือปราบแห่ง จ.พัทลุง จะเขียนไว้บนขั้นบันไดว่า อดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก ไม่มักมากในลาภผล น้องๆตำรวจลืมหมด เพราะน้องๆกำลังมีค่านิยมเหมือนเจ้านาย ขาดแรงจูงใจขาดค่านิยม ขาดวัฒนธรรมที่ดี และขาดผู้นำที่ดี ทำให้ความโลภเหล่านี้จะกลับมาทำร้ายเรา แต่สิ่งเหล่านี้ฝากไปถึงน้องๆตำรวจคงไม่ได้ผล จะต้องฝากไปถึงกรมตำรวจ ผู้มีอำนาจหากหัวไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก นี่คือปรัชญาที่แน่นอน และมันส่ายกันมาแล้ว แต่เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีมันก้าวไกล สิ่งไม่ดีเหล่านั้นเลยโผล่ออกมา” อดีตนักสืบรุ่นเก๋า กล่าวทิ้งท้าย