หลังจากที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566 ที่ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ Application Zoom Cloud Meeting เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมานั้น

ที่ประชุมได้มีการพิจารณาประเด็นแผนการสนับสนุนระบบการพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ, การส่งเสริมการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันระดับนานาชาติ, การสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ, การพัฒนาบุคลากรกีฬาและการส่งเสริมสนับสนุนอื่นๆ ตามนโยบายของรัฐ และคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ

พล.อ.ประวิตร ได้พิจารณาเรื่องสำคัญหลายเรื่อง ทั้งการปรับเพิ่ม กรอบวงเงินและเพิ่มแผนงานของกองทุนฯ ประจำปีงบประมาณ 2566 การสนับสนุนเงินรางวัล ตามหลักเกณฑ์กองทุนฯ และขอความเห็นชอบยกเลิกคำสั่งคณะติดตามผลการปฏิบัติงานตามมติ และคำสั่งคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ

นอกจากนี้ “บอร์ดกองทุน” ยังได้มีมติเห็นชอบให้กองทุนฯ ให้ความช่วยเหลือการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เรื่องเงินสำหรับการส่งนักกีฬาทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 32 และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 12 ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 156 ล้านบาท

“ดร.หญิง” ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เผยว่า ทางบอร์ดกองทุนฯ ได้พยายามจัดสรรงบประมาณในส่วนนี้ เพื่อช่วยเหลือในการส่งทัพนักกีฬาไทย ไปทำศึกซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ เพื่อทำผลงานสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ และเพื่อพัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศ ครองเจ้าเหรียญทองในชนิดกีฬาสากล ตามที่ได้มีการตั้งเป้าหมายเอาไว้ โดยเชื่อว่าจากการเตรียมความพร้อมของทัพไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จะก้าวไปทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และสร้างความประทับใจให้กับแฟนกีฬาชาวไทยอย่างแน่นอน

สำหรับ ศึกซีเกมส์ 2023 จะแข่งขันระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค. 66 มีการชิงชัย 583 เหรียญทอง จาก 36 ชนิดกีฬา โดยคณะกรรมการเตรียมนักกีฬาไทย โดย กกท. ประเมินความหวังทัพนักกีฬาไทย มีโอกาสคว้ารวม 164 เหรียญทอง

ขณะที่ อาเซียนพาราเกมส์ 2023 จะแข่งขันกันระหว่างวันที่ 3-9 มิ.ย. 66 มีการชิงชัย 13 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กรีฑา, วีลแชร์ แบดมินตัน, บอคเซีย, หมากรุก, ฟุตบอล 5 และ 7 คน, โกลบอล, ยกน้ำหนัก, วอลเลย์บอลนั่ง, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส, วีลแชร์ บาสเกตบอล, พารายูโด และอีสปอร์ต.