กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ที่หลายคนสนใจอย่างมากมายสำหรับแฮชแท็ก แบนสุพรรณหงส์ ที่อยู่บนโลกทวิตเตอร์ โดยเป็นเรื่องการของคนทำหนังทุกฝ่ายที่มองว่าเกณฑ์การตัดสินใจรางวัลสุพรรณหงส์ของคนทำหนังในปีนี้ดูเอื้อค่ายใหญ่ และเป็นการกีดกันค่ายหนังเล็กเพราะมีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์ในการตัดสินเข้าชิง ทำให้หลายๆภาพยนตร์ไม่ผ่านเกณฑ์การตัดสิน จนเกิดการประกาศแบนของคนทำหนังมากมาย ซึ่งเป็นประเด็นที่คนทั้งประเทศวิจารณ์อย่างร้อนแรง ล่าสุดรายการโหนกระแส ได้เชิญคนทำหนังอย่าง คุณชายอดัม-เฉลิมชาตรี ยุคล, กอล์ฟ ธัณวรินทร์, นุชี อนุชา บุญยวรรธนะ นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย และ นายพรชัย ว่องศรีอุดมพร เลขธิการสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ มาร่วมถกประเด็นนี้กันอย่างดุเดือด

อนุชา เผยว่า “เรื่องเกิดจากภาพยนตร์เรื่องเวลา เขาไม่เข้าเกณฑ์ของเรา คือเขาฉายในกรุงเทพฯ ไปแล้ว แต่ที่อื่นไม่ได้ฉาย คือเรื่องกฎนี้ปีก่อนหน้านี้ไม่มีกฎนี้เข้ามา แต่ประมาณปี 62 มีความคิดใช้กฎนี้ แต่สมาคมผู้กำกับฯ และคนในวงการคัดค้าน เขามองว่ามันไม่แฟร์เพราะกีดกันหนังอิสระออกจากการเข้าชิง ในไทยคนมองว่าคนไทยทำหนังดีสิจะได้เข้าฉาย นุชีเองทำมะลิลาทำได้รางวัลที่ปูซานและอื่นๆ แต่การที่ไปฉายทั่วประเทศเป็นไปไม่ได้ คนซื้อหนังเขาดูว่าหนังทำเงินได้ไหม ฉายเรายังไม่สามารถฉายได้ 5 ภาคเลย เอาจริงๆหนังอิสระเหมือนเป็นเวทีสร้างคนใหม่ๆ ขึ้นมา ถ้าเราไม่มีเวทีให้หนังอิสระมากพอ หนังไทยมันก็ดูเหมือนตกต่ำ ทำไมทำหนังเดิมๆ ซ้ำๆ ทำไมสู้ประเทศนั้นนี่ไม่ได้ หนังอิสระเหมือนเป็นการสร้างคนใหม่ๆเข้ามาในอุตสาหกรรมหนังค่ะเลยทำให้คนติดแท็กแบนรางวัลนี้”

กอล์ฟ เผยว่า “กอล์ฟเป็นผู้กำกับอิสระเหมือนกัน แต่ขอบคุณสุพรรณหงส์ ที่ทำให้คนรู้จักหนังเรา มันทำให้คนดูรู้จักหนังเล็กๆ เช่น ปั๊มน้ำมัน หรือ ดาวคะนอง สุพรรณหงส์ ทำให้คนมองเห็นเรา ต้องถามก่อนว่าหน้าที่ของรางวัลนี้คือให้เกียรติให้คุณค่า กับคนทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง หนังใหญ่ หนังเล็ก คุณค่าของหนังไม่ได้วัดด้วยคนดู รายได้ หรืออะไร แต่อยากให้ความมีศักดิ์ศรี มีคุณค่าของสุพรรณหงส์ยังมีอยู่”

คุณชายอดัม เผยว่า “สมาพันธ์สมาคมฯ การเรียกร้องตรงนี้ไม่ใช่แค่เรา มีค่านหนัง ผู้กำกับภาพยนตร์ โรงภาพยนตร์ด้วย มันเป็นการดีกว่าหรือเปล่า กลับมาที่โต๊ะมองหาสิ่งที่เหมาะสม ต้องอย่าลืมว่ารางวัลสุพรรณหงส์ มันมีคำห้อยท้ายว่า แห่งชาติ อยู่ รางวัลนี้มันจุดสำคัญ เกิดขึ้นจากองค์กรที่ปกครองอุตสาหกรรมเราโดยรวม วิธีการคิดอาจจะต้องกว้างขึ้นกว่าที่จะเอ๊ะมีเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่ง เข้าใจคือการผลักดัน แต่อย่าลืมพันธกิจ อย่าลืมทุกคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ด้วย จริงๆ ผมเองถามพี่พรชัยด้วยนะตอนเจอกันว่าเกณฑ์อะไรปีนี้ สตรีมมิ่งปีหน้าว่ายังไง ปีนี้เป็นแบบนี้ เลยสงสัยนิดนึงเราใช้เกณฑ์ผลักดันภาพยนตร์ ทำไมไม่ใช่เกณฑ์ปกติ ทำไมไม่แยกออกไป ก็ทำโครงการแยกย่อยได้นิ ทำร่วมกับคนอื่นได้ก็ทำได้นิ ไม่จำเป็นต้องมารวมในตัว ถ้าไม่มีโครงการผลักดันแบบนั้นไม่ได้ตัดสิน มันไม่จำเป็น”

พรชัย เผยว่า “เกณฑ์การตัดสิน ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์สำหรับปีนี้ มันเป็นของปี 65 มีการพูดคุยหลักเกณฑ์กันจริง เรามีประชุมวันนี้ช่วง 13.00 น. เลื่อนไป 16.00 น. เพื่อคุย เป็นการรับรองว่าจะเอาหลักนี้จริง เพื่อแก้ไขปัญหาที่มีคนรู้จักหนังน้อย มีคำถามจากคนดูว่าหนังนี้ไม่รู้จักเข้ามาได้ยังไง มีจากสปอนเซอร์บ้าง หนังอะไร เลยมีการคิดว่าเกิดคำถามแบบนี้เรื่อยๆรางวัลเราจะโอเคไหม ไม่ใช่คนในวงการมอบกันเอง เราอยากให้เป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ เพราะเป็นมหาชน เป็นแห่งชาติ ไม่ว่าหนังประเภทไหนก็แล้วแต่นะ หนังประเภทนี้ฉายเข้าโรงกระแสหลักไม่ได้ สมาพันธ์ฯมาช่วยตรงไหนได้บ้าง ต่างประเทศเข้าชัดเจนว่าประเภทไหน ประเภทไหนฉายตรงไหน เราแก้ปัญหาคนไม่รู้จักหนัง เราไม่ได้ปิดกั้นหนังแบบนี้ห้ามเข้าชิง แต่ถ้าหนังเข้าเกณฑ์เป็นที่ยอมรับ มันมีขั้นตอนการโหวต พูดคุยต่อไป หนังเวลาถามว่าตัดไหม มันอาจจะเป็นความ เป็นทีมงานแล้วกันในส่วนที่ดูแลตรงนี้แจ้งไป ผมยอมรับผิดเอง ที่ดูแลตรงนี้ เอกสารภายในที่ไม่ได้รับรองการประชุม ไม่ใช่เอกสารถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ หารือจริงไหม จริง มีปัญหามาก็พูดคุย หลักเกณฑ์ใช้ไม่ได้ เราก็ต้องเปลี่ยน”

“หนังที่ฉายในสตรียมมิ่งได้ไหม ยูทูบอย่างเดียวได้ไหม ส่วนที่คุณชายอดัมพูดคือรางวัลนี้คือเกิดมาจากเป็นกำลังใจเกิดมาเพื่อคนทำงาน แต่แยกย่อยออกมาอีกว่า ถ้าเราตีความภาพยนตร์เหมือนกัน มันต้องให้เกณฑ์เดียว หลักเกณฑ์ก่อนหน้านี้มีการคุยกันในสมาพันธ์สมาคมฯ ภาพยนตร์ไทย เราถือเป็นภาพยนตร์ไทยไหม หนังไทยทุนต่างชาติเป็นหนังไทยไหม เย็นนี้คุยกันเกณฑ์นี้จะใช้หรือไม่ใช้ ผมตอบไม่ได้ ถ้า 15 ท่านเห็นด้วย หรือไม่ก็ตามนั้น คุณนุชชีก็อยู่ ถ้าเข้าใจอย่างหนึ่งในการสื่อสาร คือมีทั้งบวกและลบ วันนี้เราคงไม่ได้คุยกับแบบนี้ คือตอนนี้มันเร็วไปหมด มันมีข้อความทั้งถูกและผิดอยู่ในนั้น ตอนนี้เลยต้องดูว่าทำยังไงให้อุตสาหกรรมนี้ไปได้”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก โหนกระแส