เมื่อวันที่ 6 เม.ย. น.ส.บุปผา เรืองสุด อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า กำลังแรงงานเป็นหัวใจสำคัญในการนำพาประเทศไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงและสามารถแข่งขันได้ในระดับโลก ดังนั้นกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน จึงให้ความสำคัญในการพัฒนากำลังแรงงานของประเทศ โดยระหว่างปี 2564-2566 ได้เร่งพัฒนาทักษะกำลังแรงงานทุกกลุ่มให้มีทักษะ สามารถประกอบอาชีพสร้างรายได้ต่อตนเอง และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศได้ ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา สามารถพัฒนากำลังแรงงานได้จำนวน 5,255,833 คน ช่วยให้แรงงานมีงานทำและมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 13,775 บาทต่อคน แรงงานที่ผ่านการพัฒนาทักษะแล้ว มีผลิตภาพเพิ่มขึ้น คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 157,890 บาท ต่อคนต่อปี

“สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ศึกษาและวิเคราะห์ผลการดำเนินโครงการตามแผนพัฒนาฝีมือแรงงาน ของ กพร. พบว่า แรงงานที่ผ่านการพัฒนาทักษะฝีมือกับกรม มีรายได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ แรงงานใหม่ร้อยละ 25 มีรายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น แรงงานในสถานประกอบกิจการร้อยละ 19 มีรายได้เพิ่มขึ้น และแรงงานนอกระบบร้อยละ 9 มีรายได้เพิ่มขึ้น หลังจากที่ผ่านการฝึกอบรม” อธิบดี กพร. กล่าว

ทั้งนี้ กพร. มีแนวทางในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ประกอบด้วยกระบวนการฝึกอบรม การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน การส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการมีการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้แก่พนักงานของตนเอง ภายใต้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 การรับรองความรู้ความสามารถ และการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาแรงงาน เป็นต้น การดำเนินการเหล่านี้ ส่งผลให้พนักงานในสถานประกอบกิจการมีทักษะฝีมือเพิ่มขึ้น ก้าวทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงมีผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้น ด้านนายจ้างและสถานประกอบกิจการ สามารถลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต สินค้า และบริการที่มีคุณภาพจากการที่พนักงานมีทักษะสูงขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอีกด้วย.