จากกรณี มีสาวใหญ่รายหนึ่ง อ้างว่าตัวเองเป็นภรรยาของคนขับรถทัวร์บริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง โพสต์ระบายเรื่องราวผ่านโลกโซเชียล โดยอ้างว่า สามีกำลังได้รับความเดือดร้อนจากการใช้แรงงานเกินกว่าเหตุ ต้องขับรถไปกลับ กรุงเทพฯ-ชัยภูมิ ระยะทางกว่า 350 กม. โดยใช้เวลาวิ่งขาละ 6 ชั่วโมง วันหนึ่งต้องวิ่งไป-กลับถึง 3 รอบ ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน โดยวันหนึ่งจะได้นอนเพียง 2-3 ชม. เท่านั้น เชื่อว่าสักวันจะต้องเกิดอาการวูบหลับ และเกิดอุบัติเหตุอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นก็เกรงว่า จะรับผิดชอบชีวิตของผู้โดยสารไม่ไหว ครอบครัวก็มีฐานะยากจน สามีรับเงินเดือนเพียง 3,000 บาท ทั้งยังโดนหักเงินสะสม 500 บาท บริษัทอ้างว่าจะคืนให้เมื่อลาออก แต่ต้องยื่นลาออกล่วงหน้า 1 เดือน แถมเงินเดือนยังโดนหัก “ค่าตำรวจรายทาง” บางเดือนได้รับค่าจ้าง 1,500-1,700 บาท ซึ่งไม่คุ้มค่ากับการทำงาน

เมื่อสามีแสดงความประสงค์ลาออก นายจ้างได้ให้เขียนใบลาออก 1 ฉบับ ในเอกสารระบุว่า การลาออก ผู้ลาออกยินดีจะไม่เรียกร้องเงินค่าชดเชยใดๆ รวมทั้งเงินที่หักสะสม ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้คืนด้วย ล่าสุดยังต้องขับรถไปส่งผู้โดยสารเวลา 23.15 น. เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ขณะนั้น สามีเกิดอาการวูบหลับ ไม่สามารถขับต่อได้อีก ทางนายจ้างยังยืนยันจะให้ขับต่อ สุดท้ายสาวใหญ่รายนี้ ได้เอาตัวเองไปยืนขวางหน้ารถทัวร์เอาไว้ เพื่อขัดขวางไม่ให้รถไปไหน เพราะหากสามียังต้องฝืนขับรถ ทั้งชีวิตสามีและผู้โดยสารคงจะไม่มีความปลอดภัยอย่างแน่นอน ซึ่งก็ได้มีคนถ่ายคลิปช่วงที่ยืนขวางรถดังกล่าว เอามาลงในโลกออนไลน์

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. นางสุภาพร อธิธาดา อายุ 52 ปี พร้อมด้วย นายมานพ อธิธาดา อายุ อายุ 52 บ้านเลขที่ 460/5ก ชุมชนโนนตาปาน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ได้เข้าร้องเรียนกับ น.ส.สุภาพร พวงเดช นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน สวัสดิการและคุมครองแรงงานจังหวัดชัยภูมิ พร้อมชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะเรียกเจ้าของบริษัทรถทัวร์ มาสอบสวนถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ภายหลัง น.ส.สุภาพร กล่าวว่า สามีต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบต่อชีวิตของผู้โดยสารมานานนับปี ทุกวันนี้ต้องทำทุกอย่าง โดยการทำงานไม่เป็นไปตามกฎหมายของกระทรวงแรงงาน ตำแหน่งพนักงานขับรถ มีความสำคัญต่อชีวิตผู้โดยสารเป็นอย่างมาก จำเป็นต้องมีพนักงานขับรถประจำรถโดยสารปรับอากาศอย่างน้อย 2 คน เพื่อสับเปลี่ยนกัน เพราะระยะทางในการขับรถยาวนาน แต่บริษัทกลับมีพนักงานขับรถที่เป็นสามีตนเพียงคนเดียว ต้องทำหน้าที่ทุกอย่าง โดยเฉพาะการช่วยผู้โดยสารนำสัมภาระลงจากรถ
ด้าน น.ส.สุภาพร กล่าวว่า ได้รับการร้องเรียน ได้ให้เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะได้เรียกเจ้าของบริษัทรถทัวร์มาสอบสวนถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น นอกนั้นทางสำนักงานคุมครองแรงงานฯ ยังได้ประสานให้สำนักงานประกันสังคมจังหวัดชัยภูมิ ได้มาชี้แจงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับการดูแลจากสำนักงานประกันสังคมฯ จากนั้นจะได้เรียกเจ้าของบริษัทดังกล่าว มาสอบสวนและดำเนินตามระเบียบทางราชการต่อไป