เหลืออีกไม่กี่วัน!! ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่เทศกาล “สงกรานต์” ที่หลายคนต่างตั้งตารอคอย เพราะนอกจากจะเป็นวันหยุดยาว เป็นเทศกาลแห่งความสุขแล้ว ยังเป็นห้วงเวลาของการกลับภูมิลำเนาของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ขณะเดียวกัน “สงกรานต์” ยังกลายเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของไทย และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 3 เทศกาลสำคัญของเอเชียอีกต่างหาก

เงินสะพัด 1.25 แสน ล.

บรรดาสำนักวิจัยเศรษฐกิจ ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่าในช่วงสงกรานต์ปีนี้จะกลับมาคึกคักแน่นอน ทั้งด้านการเดินทางท่องเที่ยว การจับจ่ายใช้สอย ล่าสุด “ธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วง เทศกาลสงกรานต์ ปี 66 นี้จะมีเงินสะพัดราว 125,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.3% ซึ่งถือว่าสร้างความคึกคักได้ไม่น้อยทีเดียวสังเกตได้จากวงเงินที่มากกว่าปี 59 ที่อยู่ที่ 124,542 ล้านบาท หรือปีที่เศรษฐกิจไทยเริ่มตั้งฐาน

ต่างชาติเที่ยวไทยพุ่ง 525%

ขณะเดียวกันข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ระบุว่า ในช่วงสงกรานต์นี้จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 18,530 ล้านบาท โดยคนไทยจะออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจำนวน 3,808,500 คนครั้ง ขณะที่ชาวต่างชาติเดินทางเที่ยวไทย 305,000 คน เพิ่มขึ้น 525% จากปีที่ผ่านมา และคิดเป็นสัดส่วน 58% ของนักท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 62 และอันดับหนึ่งยังเป็นนักท่องเที่ยวจีน ที่คาดว่าจะมีประมาณ 56,790 คน รองลงมา คือ มาเลเซีย 50,310 คน เวียดนาม 15,930 คน อินเดีย 14,070 คน เกาหลีใต้ 12,930 คน ฮ่องกง 11,920 คน สปป.ลาว 11,520 คน สหราชอาณาจักร 10,570 คน สหรัฐอเมริกา 9,270 คน สิงคโปร์ 9,060 คน รัสเซีย 9,030 คน และออสเตรเลีย 8,460 คน

ครึ่งปีจีนเที่ยวไทยล้านคน

อย่างไรก็ตาม!! คาดการณ์กันว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยแล้วประมาณ 5 แสนคน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด 6 ล้านคน และยังเชื่อว่าในไตรมาสที่สองนี้ นักท่องเที่ยวจีนอาจเดินทางมาไทยทะลุถึง 1 ล้านคนก็เป็นไปได้ เพราะอย่าลืมว่าที่ผ่านมาก่อนโควิด นักท่องเที่ยวจีนทำสถิติเที่ยวไทยเฉียด 11 ล้านคนกันทีเดียว ขณะเดียวกันการเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนก็สร้างกระแสจนเป็นที่ฮิตติดโลกโซเชียลได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นกระแสการแต่งชุดนักเรียน หรือการแต่งชุดไทย เพื่อถ่ายรูปให้ดูเก๋ๆ ดูชิคๆ

แต่ขณะเดียวกัน ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความสุข ความสนุก สนานเท่านั้น แต่กระแสข่าวคราวเรื่องความไม่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนในไทยก็มีจำนวนไม่น้อยที่เผยแพร่ทางโซเชียล กลายเป็นไวรัลสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวที่ไม่เคยมีประสบการณ์การเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยก็หวาดระแวงไม่น้อยทีเดียว

อาชญากรข้ามชาติระบาด

ต้องยอมรับว่าแม้การท่องเที่ยวเริ่มสดใส แต่ในอีกทาง กลุ่มอาชาญากรข้ามชาติก็กลับมาระบาดอีกครั้งหลังเปิดประเทศ และรอบนี้เหมือนจะหนักกว่าที่ผ่านมา ทั้งทัวร์ศูนย์เหรียญ ทัวร์คิกแบ็ก ไกด์เถื่อน นอมินี ที่ทำกันเป็นขบวนการแบบผูกขาด!! โดยเจ้าหน้าที่รัฐได้ให้คำนิยามเครือข่ายผูกขาดเหล่านี้ว่า “อาชญากรข้ามชาติ” ที่เข้ามาแย่งงานคนไทยตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ บรรดาภาคเอกชนด้านท่องเที่ยวต่างกังวลว่าปัญหาทัวร์ต้นทุนต่ำ และอีกสารพัด ที่สำคัญยังเป็นทัวร์กลายพันธุ์ที่อาจหนักกว่าทัวร์ศูนย์เหรียญที่เคยระบาดอย่างหนักมาก่อนหน้านี้ อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการท่องเที่ยวไทย ที่ผ่านมาไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยาวนานถึง 3 ปี ทำให้บรรดาชาวต่างชาติที่ตกค้างในไทยมีจำนวนไม่น้อยทีเดียว จนมีเส้นสายและเริ่มต้นทำธุรกิจในไทยแบบปักหลักโดยชาวต่างชาติบริหารกันเอง โดยเฉพาะการเปิดร้านอาหาร ภัตตาคารขนาดใหญ่ ประกอบกับบรรดาบริษัทขายส่งทัวร์ขนาดใหญ่ จัดรูปแบบการทำทัวร์ในลักษณะที่ผูกขาดโดยชาวต่างชาติ 100% ร่วมกับกลุ่มคนต่างชาติที่ทำธุรกิจในไทยอยู่แล้ว จัดทำกรุ๊ปทัวร์โดยไม่ให้มีบริษัททัวร์ของไทยมาเกี่ยวข้องเลย และขายทัวร์ในราคาที่ถูกมากจนบริษัททัวร์ไทยไม่สามารถแข่งขันได้

กระเทือนอุตฯ ท่องเที่ยว

ผู้ประกอบการทัวร์ของไทยมีการมองกันว่าจะรุนแรงยิ่งกว่าปรากฏการณ์ทัวร์ศูนย์เหรียญ และเกิดเป็นทัวร์ประเภทใหม่ที่ทำกันแบบผูกขาดเฉพาะกลุ่ม และยังผิดกฎหมายของไทย ประเด็นสำคัญคือ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจับจ่ายใช้สอยจะ
ไม่ตกถึงมือคนไทย ปัญหาทั้งหลายทั้งปวงนี้จะเป็นการซ้ำเติมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยอย่างมาก ทั้งที่เพิ่งจะฟื้นตัวกลับมาได้ไม่เท่าไหร่ หลังจากที่ต้องปิดฉาก ล้มหายตายจากกันไปจำนวนมากในช่วงของการแพร่ระบาดของโควิด

เอ็มโอยูเข้มนักท่องเที่ยว

ในเรื่องนี้ใช่ว่า…หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนิ่งนอนใจ โดย “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้หารือกับรมต.วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีน ถึงมาตรการเดินทางเข้าไทยของทั้งสองประเทศอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันกรมการท่องเที่ยวเองได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือเพื่อตรวจประวัติอย่างเข้มข้นของนักท่องเที่ยวด้วย รวมถึงบริษัทนำเที่ยวที่ต้องลงทะเบียนให้ถูกต้อง เพื่อให้เป็นบริษัทคู่ค้าอย่างแท้จริง เพื่อตรวจสอบประวัติย้อนหลังรวมไปถึงการนำนักท่องเที่ยวเข้ามา

ตำรวจท่องเที่ยวเอาจริงเอาจัง

ด้านตำรวจท่องเที่ยวที่เก็บข้อมูลเรื่องนี้มาโดยตลอด ก็กำลังรวบรวมหลักฐานของเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของไทย เพื่อให้ได้หลักฐานให้รัดกุมมากที่สุด เพื่อให้การเอาผิดนั้นเกิดผล เพราะอาชญากรข้ามชาติสมัยนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เพราะมีการตั้งหลัก มีเงิน มีทนายความ มีทางหนีทีไล่ รู้ช่องว่างทางกฎหมาย หรือเรียกได้ว่า…เป็นอาชญากรแบบมืออาชีพ และไม่ได้มีแค่ในประเทศ แต่เป็นเครือข่ายทั่วโลก ดังนั้น การจะดำเนินการใดๆ ต้องรอบคอบ มีข้อมูลเพียงพอที่จะจัดการหรือดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ที่สำคัญจะไม่เสียเวลาไปดำเนินการกับตัวเล็กตัวน้อยแต่เน้นไปที่ “ตัวการใหญ่” รวมไปถึงคนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติก็ตาม ก็ต้องดำเนินการตัดไฟทั้งหมดให้ได้

ทั้งหมด!! แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามดำเนินการให้รอบคอบ แต่กระบวนการที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่า ใหญ่! มีอิทธิพล! ส่วนใครจะเกี่ยวข้องบ้าง? ก็ต้องรอดูการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไทยที่เชื่อว่าไม่เกินฝีมือแน่นอน!!

ตำรวจเร่งสาวหาต้นตอ

พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา” รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ระบุว่า หลังท่องเที่ยวไทยฟื้นทำให้มีกลุ่มทัวร์อั้งยี่ ทัวร์ศูนย์เหรียญ นอมินี ไกด์เถื่อน และอาชญากรข้ามชาติที่ไม่ใช่แค่จีน แต่รวมถึงยุโรปตะวันออก อเมริกาใต้ ที่แฝงมากับนักท่องเที่ยว โดยพบว่าเครือข่ายเหล่านี้กระจายอยู่ในพื้นที่เมืองหลัก อาทิ เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต กรุงเทพฯ ซึ่งตำรวจท่องเที่ยวกังวล โดยเวลานี้กำลังรวบรวมหลักฐานเครือข่ายให้มากที่สุด ให้รัดกุมที่สุด เมื่อข้อมูลครบก็พร้อมลุยจับกุมทันที หากไม่จัดการเรื่องนี้ให้ชัดเจนอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทยได้

“อาชญากรข้ามชาติสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยก่อน เพราะมีการตั้งหลัก มีเงิน มีทนายความ มีทางหนีทีไล่ รู้ช่องว่างทางกฎหมาย นี่คือ อาชญากรแบบมืออาชีพและไม่ได้มีแค่ในประเทศ แต่เป็นเครือข่ายทั่วโลก ไม่มีประเทศไหนที่ไม่มีทัวร์ศูนย์เหรียญ ไม่มีประเทศไหนที่ไม่มีการฟอกเงิน ไม่มีประเทศไหนที่ไม่มีไกด์เถื่อน แต่ทั้งหมดนี้ต้องรอบคอบ รีบร้อนไป ตำรวจอาจถูกฟ้องได้ โดยที่ทัวร์อั้งยี่ถือเป็นองค์กรอาชญากรรม เป็นอาชญากรรมที่มีการแบ่งสรรปันส่วน มีการวางแผน มีการแบ่งงานกันอย่างชัดเจน เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่จึงไม่อยากไปจับปลาซิวปลาสร้อย แต่ดีที่สุดต้องสาวไปให้ได้ว่าเบื้องหลังเป็นใคร มาจากต่างชาติหรือว่าอยู่ในไทย หรือว่าเป็นชาวต่างชาติที่หุ้นส่วนกับคนไทย มีคนมีสีเข้าไปเกี่ยวด้วยหรือไม่” 

ครึ่งปีจีนเที่ยวไทยล้านคน

“ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า ย้ำว่า ผู้ประกอบการบริษัททัวร์เริ่มพบสัญญาณการตั้งราคาขายแพ็กเกจทัวร์ในราคาที่ต่ำ รวมถึงมีสมาชิกสมาคมพูดถึงประเด็นทัวร์ศูนย์เหรียญบ้างแล้ว แต่เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ประกอบการได้รับผลกระทบโดยตรง ส่วนหนึ่งเพราะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมากับทัวร์ยังมีจำนวนน้อยอยู่ เรื่องนี้ขอให้ภาครัฐจำเป็นต้องมีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เข้าใจโครงสร้างการออกแบบแพ็กเกจทัวร์ศูนย์เหรียญ และพร้อมสื่อสารทำความเข้าใจไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ นักท่องเที่ยว และผู้ประกอบการไทย และอยากให้นักท่องเที่ยวเข้าใจว่าทัวร์ที่ดี ราคาไม่ถูก ถ้าทัวร์พาไปทานอาหารดี ๆ ราคาทัวร์ก็ต้องสูงขึ้นอยู่แล้ว อยากให้นักท่องเที่ยวเข้าใจ

“ปัจจุบันบริษัททัวร์ในประเทศจีนหลายแห่งยังไม่กลับมาเปิดกิจการ หรือที่กลับมาแล้วก็ไม่สามารถจัดหาตั๋วเครื่องบินเพื่อจัดทำแพ็กเกจทัวร์ได้ เนื่องจากบริษัททัวร์รายใหญ่ของจีนเหมาบัตรโดยสารไปก่อนหน้าแล้ว ส่วนในไตรมาสแรกมีคนจีนเดินทางเข้าไทยแล้วประมาณ 5 แสนคน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6 ล้านคน มั่นใจว่าในไตรมาสสองนี้ จะมีนักท่องเที่ยวจีนมากถึง 1 ล้านคน เพราะมีสัญญาณการเพิ่มเที่ยวบินและการเปิดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ โดย 60% ที่เข้ามาเป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตนเองและบางส่วนเข้ามาแล้วค่อยมาซื้อแพ็กเกจทัวร์ในประเทศไทย”

…ทีมเศรษฐกิจ…