ออกมาเปิดใจครั้งแรกสำหรับปัญหาชีวิตคู่ของ ผู้จัดและพิธีกรมากความสามารถ หนิง ปณิตา กับสามี จิน จรินทร์ ที่มีประเด็นบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง ผ่านรายการคุยแซ่บshow แบบจัดเต็ม

หนิง เผยว่า “ก่อนอื่นต้องบอกว่าการที่มาสัมภาษณ์วันนี้ หนิงได้มีการพูดคุยและปรึกษากับณิรินแล้ว ซึ่งณิรินก็เป็นเด็กที่พร้อมจะเข้าใจ แล้วตัวเราเองจะเลี้ยงลูกบายจิตแพทย์ มีการพูดคุยกันเป็นขั้น เป็นตอนเรียบร้อย แล้วก็ตกผลึกกันแล้วว่าการสอนลูกจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และแก้ปัญหาจากเรื่องจริง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีทีสุดสำหรับณิรินด้วย ต้องบอกว่าสภาพจิตใจเรา เห็นเราเป็นแบบนี้ ขออนุญาตใช้คำว่าเราพยายามสตรองมากกว่า แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นคนสตรองเลย ก็โพสต์ออกไปแบบนั้น เราตัดสินใจนานนะในการออกมาโพสต์ คือถ้าเมื่อก่อนทำอะไรปุ๊บ คิดปุ๊บทำปั๊บทันที แต่เดี๋ยวนี้คิดปุ๊บ เขียนเสร็จ ก็จะนั่งถอยเวลามา ผ่านไป 2-3 ชั่วโมงรู้สึกยังไง ผ่านไปหนึ่งวันครึ่งรู้สึกยังไง คือความรู้สึกถ้าเราตัดสินใจเลย ณ โมเมนต์นั้นมันจะเป็นอีกแบบ หลังๆ หนิงจะเป็นคนที่ทำอะไรช้ามาก ดึงจนบางทีบางคนไม่เข้าใจว่าดึงอะไร แต่เมื่อตัดสินใจทำแล้วขอให้มันเกิดข้อผิดพลาดได้น้อยที่สุด ที่ออกมาโพสต์เพราะมันเริ่มกระทบแล้วลามไปคนรอบๆ ข้าง เราคิดว่าเรื่องนี้เราน่าจะเคลียร์หลังบ้านได้ แต่มันได้เคลียร์หลังบ้านมาประมาณนึงแล้ว แต่มันไม่สำเร็จ พอมันไม่สำเร็จปุ๊บ มันก็ไม่ควรจะมีข่าวหรือมีเรื่องเกิดขึ้นอีก แต่ข่าวมันเกิดขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เรานิ่งนอนใจแบบนี้ การตัดสินใจเรื่องครอบครัวมันเป็นเรื่องใหญ่ แล้วตัวหนิงเองข้อผิดพลาดในชีวิตหนิง หนิงเป็นคนตัดสินใจเร็ว หนิงเป็นคนชัดเจน หนิงเป็นคนแรง ใจร้อน คือผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด ตลอดชีวิตการใช้ชีวิตแต่งงานของหนิงหลายๆ เรื่อง ต้นเหตุหนิงไม่ผิด แต่จบด้วยหนิงเป็นคนผิดทุกครั้ง เพราะหนิงขาดสติ ใช้อารมณ์ ไม่ฟังเหตุและผล แล้วมันเป็นปมในใจหนิงเสมอตลอด หนิงพยายามที่จะแก้ไขตรงนี้ เพราะวันนี้หนิงกำลังต้องสอนเด็กคนหนึ่ง นั่นคือลูกหนิงให้เป็นคนที่ใช้ชีวิตในสังคมที่มันเกิดอะไรก็ไม่รู้ทุกวันนี้ หนิงแข็งแรงต่อหน้าทุกคน แต่เวลาที่หนิงถอยไปอยู่คนเดียว คนใกล้ตัวจะเห็นว่าหนิงเป็นยังไง ฉะนั้นถ้ามันสุดแรงเอื้อม หนิงขอจบปัญหาเองดีกว่า”

“ตลอดเวลาแต่งงานกันเราปรับเยอะมากทุกวิถีทาง จากหนิงเป็นผู้หญิงทำงานแล้วกลับบ้าน ถ้าหนิงจะกินข้าว แฮงค์เอ้าท์ก็จะอยู่ในกลุ่มเพื่อนถึงเวลาก็จะกลับบ้านนอน เพราะกลัวแก่ กลัวไม่สวย ปาร์ตี้ ไปเที่ยวบ้างก็ไปด้วยกัน แต่พอระยะยาว นานๆ เข้า หนิงรู้สึกว่าเช้าหนิงต้องทำงาน หนิงก็ทำงานไม่ได้ แล้วมันก็ไม่ใช่ตัวหนิง หนิงก็ต้องกลับมาอยู่ในจุดที่มันเป็นตัวหนิง มันเหนื่อย และมันไม่ดี หนิงไม่รู้จริงๆ ว่าจุดเริ่มต้นมันเริ่มมาจากตรงไหน เพราะปัญหาเรื่องนี้มันมีมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ตั้งแต่เดย์วันที่เคยมีปัญหาข่าวใหญ่โตในอดีตหลังจบจากนั้นมันก็มีมาของมันเรื่อยๆ แต่คนเราพอเวลาอยู่ไปแล้วมันปรับไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตหลายๆ อย่างโดยเราก็ยอมรับ ส่วนใหญ่เราก็ผิด ไปจิก ตามไปหลายๆ อย่าง ก็ไม่รู้ว่ามันยังไง จนสุดท้ายเราก็ยอมรับในความแบบ ถ้าจะมีก็มีไปเลย ก็คือเราก็ทำใจได้ หนิงทำใจได้ค่ะ แต่ว่าอย่างที่หนิงพูด มันต้องมีเส้นที่ต้องไม่ล้ำเส้นกัน แล้วต้องไม่ทำให้เราต้องออกมาพูด ออกมาเคลียร์ ไม่ไปกระทบต่อความรู้สึกลูกเรา ภาพครอบครัวที่ดูรักกัน หนิงคิดว่ามันน่าจะอยู่ตัวแล้วโอเค ก็ไม่คิดไม่ฝัน ตอนนี้หนิงยังรู้สึกว่ามันจริงใช่ไหม แต่เมื่อมันเกิดปัญหาขึ้นแล้วจริงๆ จะหลอกตัวเองว่ามันไม่จริง แล้วเดินหนีปัญหาเหมือนที่ผ่านมาว่าปล่อยให้เรื่องมันเงียบ แล้วพอมันซาๆ แล้วค่อยออกมาพูดเบาๆ แล้วปล่อบเรื่องเงียบ ที่ผ่านมามันทำอย่างนี้มาตลอด แต่ ณ วันนี้มันแรงขึ้นเรื่อยๆ”

หนิง เล่าต่อว่า “เราเลยตัดสินใจว่าผ่าตัดทีเดียวให้มันจบแล้วก็รักษาแผล รักษาใจหลังจากนี้ แล้วก็ให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมีพลัง หนิงตัดสินใจมาพูดวันนี้เพราะว่าหนิงเชื่อทุกๆ ปัญหา ณ วันนี้จบแบบนี้ หนิงเองหนิงก็มีส่วนผิดแหละ แต่หนิงทำในส่วนที่หนิงผิดดีที่สุดแล้ว แล้วหนิงไม่อยากเกลียดจิน หนิงอยากให้วันนี้หนืงทีโอกาสจับมือกับจินเพื่อลูก แต่ถ้ามันดึงไปมากกว่านี้ หนิงไม่มานั่งแอ๊บ คนเรามันช้ำเยอะๆ มันจะเปลี่ยนความช้ำเป็นความเกลียด รักเยอะ รักมาก ก็เกลียดมาก หนิงไม่อยากเกลียด หนิงอยากจับมือกับเขาต่อ แต่ในสถานะที่เขาเป็นพ่อของลูกหนิง ไม่ใช่ในสถานะที่เขาเป็นสามีหนิง หนิงว่าหนิงไตร่ตรองมาจนสุดแล้ว แล้วน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด และเป็นวิธีที่จินเองจะได้มีอิสระและทำทุกอย่างได้อย่างมีความสุข แล้วไม่ทำให้ใครต้องเสีย จริงๆ หนิงคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพราะว่าที่ผ่านมาเราสองคนเวลาทะเลาะกัน เขาจะมั่นใจว่าเรารักเขา ต่อให้เขาทำผิดยังไงเราก็จะให้อภัย หนิงก็มั่นใจว่าเขารักหนิงมาก ต่อให้หนิงวี๊ดวาดยังไง เขาก็รักหนิง ก็จะมีการท้าหย่ากันเบาๆ มาตลอดเวลา แล้วระยะหลังมันพูดบ่อยจนมันไม่ได้พูดกับหนิง แต่ไปพูดกับเพื่อนและคนรอบข้างหนิง แล้วพอคนรอบข้างหนิงมาถามหนิงว่าจะหย่ากันเหรอ หนิงก็ขำ ไม่มีอะไรหรอก บ้าบอใครจะไปหย่ากับมัน เราก็จะพูดอย่างนี้จนกระทั่งหนิงพาลูกไปทำงาน ตอนนั้นหนิงไปเกาหลี แล้วหนิงก็อยู่เที่ยวกับครอบครัวหนิงต่อ แล้วมันก็เป็นข่าวนี้ช่วงวันวาเลนไทน์ หลังจากกลับมาที่เมืองไทยแล้ว พี่ๆ ที่เป็นพี่ที่เคารพทั้งของหนิงและของจินเองหลายๆ ท่านก็ทนไม่ไหว เรียกให้มาเคลียร์ มาคุย แต่การคุยวันนั้นก็ยังพูดว่าต้องการจะหย่า จินพูด”

“จินพอมีผู้หญิงทีก็ขอหย่าที หนิงเหนื่อย เราคุยกันสองคนนะ ไม่มีคนอื่นเรียกคุยมันก็มีค่ะ แต่มันก็จะจบลงแบบเดิมๆ จนพี่เป๊กเรียกไปนั่งคุย ก็จะได้รับการจบที่ว่าเราสองคนจะทำให้ดีที่สุด แต่เหตุการณ์หลังจากที่กลับจากเกาหลีก็ยังยืนยันในแบบนี้ ด้วยคำพูดที่ว่า ต่อให้ไม่มีผู้หญิงคนนี้ก็จะเลิก พูดคำรี้หนิงบอกว่าได้ แล้วเราจะรับผิดชอบลูกร่วมกันอย่างไร เขาก็ให้ข้อเสนอมา 1.2.3.4. ก็ได้มีการทำบันทึกข้อตกลง 1 ฉบับ เพื่อจะเอาเอกสารฉบับนี้ยื่นไปให้ทนายทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย หลายคนคงคิดว่าเอกสารฉบับนั้นมันคงยิ่งใหญ่มหาศาล แล้วหนิงต้องได้รับอะไรที่แบบเยอะแยะมากมาย หนิงขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้เคลียร์ตัวหนิงเอง เพราะอันนี้คือจุดวี๊ดของหนิงเวลาหนิงได้ยินสิ่งเหล่านี้ คนจะเข้าใจว่าดาราแต่งงานกับคนรวย เพราะเราอยากสุขสบาย อยากใช้เงินเขา เวลาเราเกิดปัญหาอะไรเหล่านี้ คนก็เขียนว่าก็เลือกเอง คบเอง อยู่สวยๆ ใช้เงินไป มันไม่เลิกหรอก เพราะว่าเงินอะเท่าไหร่ โคตรเจ็บปวดเลย ผู้หญิงคนนี้ทำงานหาเงินมาตั้งแต่อายุ 15 ส่งน้องเรียน 3 คน จบการศึกษาที่ดีมากทุกคน ดูแลแม่และแต่งงาน หนิงไม่เคยไปเดือดร้อนหรือพึ่งพาอะไรคุณจินเลย หนิงดูแลตัวหนิงเองทั้งหมด ทุกควเห็นว่าหนิงทำงานยังไงบ้าง หรือแม้กระทั่งในส่วนของลูก หนิงรับผิดชอบลูกครึ่งหนึ่ง แต่เอกสารฉบับนี้ที่มันไม่จบ เพราะว่าจินไม่มาทำอะไรในสิ่งที่จินตกลงว่าจะทำ และสิ่งที่หนิงห่วงที่สุดเลยคือถ้าวันใด วันหนึ่งมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของหนิง คนเป็นแม่จะรู้ดีว่าความมั่นคงของลูกเรามันขะเป็นยังไงในอนาคต หนิงห่วงอย่างเดียวแค่ณิรินเท่านั้น แล้วสิ่งที่หนิงขอให้กระทำให้ณิริน มันก็เป็นเรื่องเล็กมากๆ ซึ่งถ้าหนิงจะทำสิ่งเหล่านั้นเองในวันนี้ หนิงก็ทำได้ แต่หนิงคิดว่าให้ลูกได้รู้สึกภูมิใจว่าพ่อยังได้ทำหน้าที่การเป็นพ่อให้กับลูก”

“หนิงก็ยังมีความเชื่อตรงนี้อยู่ว่าเขารักลูกมาก แต่สิ่งที่หนิงต้องการ หนิงไม่ต้องการอะไรที่เป็นปากเปล่า ปากเปล่าใครจะพูดอะไรก็ได้ แล้วปากเปล่าเนี่ย พอเวลาที่เราแยกสถานภาพความเป็นสามี ภรรยา เราคือคนนอก เราไม่มีสิทธิ์ไปสั่งอะไรเขา ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดมันควรจะทำเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นเอกสาร เพราะเราต้องกันตัวเราในอนาคตว่าวันนี้เราเป็นสามี ภรรยา เราทะเลาะกัน เราพูกกันไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าวันนึงเราแยกกัน เป็นเพื่อนกัน เราก็ต้องไม่ทะเลาะกันด้วย เราต้องคิดอะไรหลายๆ อย่าง อย่างละเอียดและไกลๆ  ไม่งั้นกลายเป็นว่าถ้าต้องทะเลาะกันในฐานะการเป็นเพื่อนกันวันนี้ก็อยู่ด้วยกันไม่ต้องเลิกกันดีกว่าไหม ซึ่งเอกสารฉบับนี้หนิงได้เซ็นไปเรียบร้อยแล้ว มันเป็นแค่ข้อตกลง ยังไม่ได้มีการจดเซ็นใบหย่าใดๆ แล้วจากวันนั้นจนถึงวันนี้หนิงก็ยังรอการที่จะมาเคลียร์ว่าจะทำอย่างไร แล้วหนิงก็ไม่ได้รับการเคลียร์ตรงนั้นเลย ซึ่งหนิงก็ไม่รู้ว่าหนิงควรจะทำตัวยังไง แล้วพอมันมีข่าว มีปัญหาอะไรเข้ามา หนิงก็ไม่รู้ว่าหนิงจะตอบยังไง เพราะหนิงพยายามแก้ไขปัญหาหลังบ้านให้ดีที่สุด ซึ่งหวังว่า เดี๋ยวมันก็กลับมาจนเนี่ยมีข่าวล่าสุด หลังบ้านมันมีอะไรที่วุ่นวายกว่านั้นเยอะ จนหนิงตัดสินใจว่าถ้าหนิงไม่ลุกขึ้นมาเดินนำ เรื่องนี้ก็จะไม่มีวันจบ”

“จริงๆเรื่องนี้หนิงไม่ใช่เป็นคนรู้เรื่องนี้ คนที่เป็นคนรู้เรื่องนี้คือลูกหนิง แล้วมาเล่าให้หนิงฟังตอนนั้นมองเป็นเรื่องขำ มองเป็นเรื่องตลก คิดว่าณิรินพูดเล่นห่วงพ่อ ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงไม่บอกลูกเลย ไม่ต้องกลับไปบอกอะไร เพราะว่ากับเด็กเนี่ย บางทีพอเราเคลียร์เรื่องนั้นจบแล้วเราต้องไม่ไปซ้ำเรื่องเดิมกับเด็ก หน้าที่ของแม่คือแค่ประคองความจริงที่เขารู้ ให้เขาเข้าใจความจริงในมุมที่เด็กควรจะเข้าใจ แล้วเราเป็นคนที่เวลาเรามีอะไรเราคุยกับลูกทุกเรื่อง เราก็พอเดาทางลูกถูกว่าความเข้าใขอันนี้มันเข้าใจไปแบบติดลบ หรือเข้าใจแบบเชิงบวก หรือเข้าใจกลางๆหนิงผ่านการคุยกับลูกเรียบร้อยแล้วณิรินยังไม่เข้าใจการหย่า คนสำคัญที่สุดเลยที่เขากลัวว่าจะไม่ได้เจอ คือคุณอาระรินกับคุณปู่ แล้วริงลงมาก็จะเป็นคุณพ่อเขา เราเลยบอกว่าไม่มีปัญหาเลย เพราะแม่ก็ยังเป็นลูกสาวปู่ แล้วยังเป็นพี่สาวอา และยังเป็นเพื่อนพ่อหนูอยู่ หนิงคิดทบทวนแล้วทบทวนอีก จนหนิงมั่นใจแล้วหนิงออกมาพูด เพราะนี่คือสิ่งที่ผ่านกระบวนการความคิดของหนิงมานานมากแล้ว ใจหนิงอยากหย่านะ เจ็บไหมเจ็บ แต่หนิงไม่อยากเกลียดจิน หนิงยังอยากให้จินเป็นพ่อที่น่ารักมากๆ ของลูก หนิงว่ามันคือทางออกที่ดีที่สุด โอกาสกลับมาคืนดีกัน หนิงว่าเรื่องของอนาคตหนิงไม่สามารถตอบได้ หนิงตอบได้แค่เรื่องวันนี้ ณ ปัจจุบัน ที่หนิงตอบได้เพราะหนิงคิดทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว อะไรก็แล้วแต่ในอดีตเอามาขึ้นตราชั่งบวกลบคูณหารหลายๆอย่าง หนิงว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุด หนิงอยากมีชีวิตใหม่ที่มีเพื่อนชื่อจิน”

“ด้านครอบครัวจิน หนิงถึงบอกไงว่า หนิงพูดก็มีผลกระทบ หนิงไม่พูดก็มีผลกระทบ ไม่ว่าหนิงจะทำอะไรมันกระทบหมด แต่ถ้าหนิงไม่ตัดสินใจที่จะเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาในครั้งนี้ ผลกระทบระยะยาวมันจะหนักกว่า แล้วหนิงก็เชื่อว่าทุกคนเข้าใจหนิง ซึ่งก่อนหน้าที่หนิงจะมาที่รายการ หนิงเองก็ปรึกษาคนที่สำคัญมากที่สุดในชีวิตหนิงเลยก็คือลูก ตอนนี้รอเคลียร์ให้ชัดว่าเอายังไง เพราะอย่างที่บอก เงียบก็เสี่ยงให้หลายๆคนเข้าใจผิดและกระทบอีกหลายๆคน พูดก็เสี่ยงต่อคนที่ไม่เข้าใจเราจะไม่เข้าใจ แต่อย่างที่หนิงบอกว่าข้อผิดพลาดในชีวิตหนิงมากที่สุดคือ บางทีหนิงทำอะไรขาดสติ บางที่เรื่องเพื่อนพร้อมเป็นด่านหน้าลุย พอเป็นเรื่องตัวเองล้มไม่เป็นท่า หนิงใช้เวลาค่อยๆคิด ล้มก็ลุกขึ้นมา ทบทวน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า หนิงตัดสินใจพูดครั้งนี้อย่างที่มี่สติที่สุดแล้ว พอเกิดเรื่องแล้วหนิงก็พยายามที่จะคุย แต่เขาไม่คุย หนิงก็จะใช้วิธีส่งข้อความ ซึ่งในการส่งข้อความนั้นจะมีน้องสาวคุณจินอยู่กำลังใจที่คอยช่วยซัพพอร์ตพี่ชาย คุยให้เข้าใจ หนิงว่าหนิงคุย หนิงว่าหนิงคุยไปหมดทุกเรื่องแล้ว ในหลายๆ เวอร์ชั่นแล้ว ถามว่ารักเขาไหม รักในความที่ข้างหน้า น่าจะรักกันเป็นเพื่อนได้ อย่างเดียวเลยที่อยากจะบอกคือ ทำเพื่อลูก ไม่ต้องทำเพื่อหนิง เพราะวันนี้ในส่วนของหนิง หนิงจบแล้วที่เหลือคือทำเพื่อลูก ไม่ต้องอึดอัดใจในส่วนของหนิงเลย”

“ตอนมีผู้หญิงเข้ามาที่ผ่านมามีความแค้นโกรธครั้งนี้โกรธไหม หนิง ยอมรับว่า ใช่ แต่ไม่ใช่การแก้ปัญหาเดิมๆ พยายามเงียบที่สุด ใช้กฎหมายจัดการ ในฐานะเมียหลวง ได้ฟ้องบุคคลที่สาม ศาลรับฟ้องแล้ว เรื่องผลกระทบณิริน ลูกสาว หนิง ยอมรับว่า ณิริน เจอผลกระทบที่โรงเรียนเยอะ แต่ไม่บอกแม่ ลูกก็จะบอกว่า แม่มีปัญหามากมายอยู่แล้ว ณิรินก็จะบอกว่า หนูไหว หนูสบาย ที่โรงเรียนเขารู้กันหมด ณิริน ก็ตอบใช่พ่อฉันในข่าว พ่อกับแม่ฉันกำลังจะหย่า แต่เขาเป็นเพื่อนกัน ถามว่าอยากให้จบยังไงให้หนิงและจินอยู่ในสถานะ พ่อและแม่ที่ดีของณิริน อยากให้ทำทุกอย่างเพื่อลูก เพื่อความั่นคงของลูกที่ชัดเจน ไม่ใช่เพื่อหนิง เพราะหนิงไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับใคร วันนี้นั่งๆ คุยๆ กันอยู่ พรุ่งนี้ได้ข่าวว่าคนนั้นเสีย คนนี้เสีย อะไรก็ได้ที่ดีที่สุดสำหรับลูกให้จัดการให้ลูกซะ จะมากจะน้อยขอให้ทำให้ลูกได้มีความภาคภูมิใจว่า พ่อรักเขา ถามว่ามันเป็นไปได้ไหม สมมติถ้าสถานะเปลี่ยน แต่อยู่ด้วยกันเคยคิด แต่สำหรับคู่หนิงไม่น่าจะเหมาะ ขอแยกกันก่อนสักพักดีกว่า บางคู่ทำได้ แต่บางคู่ทำไม่ได้ แต่ในมุมของหนิง หนิงมีแต่ความหวังดีจริงๆ หนิงอยากให้เขทเจอคนที่แมชต์กับเขา ที่เข้าใจเขา แล้วอยู่กับเขาอย่างมีความสุข เพราะหนิงเชื่อว่าถ้าชีวิตเขามีความสุข ลูกหนิงก็จะมีความสุขด้วยเราให้อภัยเขาไปนานแล้ว ไม่งั้นหนิงจะไม่กล้าพูดคำว่า จะไปไหนบอกหนิงตรงๆ หนิงช่วย เดี๋ยวมีข่าวหนิงช่วย ทุกครอบครัวอย่าเกลียดกันเลย พ่อ แม่ อยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่เป็นไร สังคมสมัยนี้ มันเกิดขึ้นอย่างนี้ นี่มันยุคไหนแล้ว อย่าทน ทนเพื่อเกลียด อย่าๆ เคลียร์ดีกว่า ผ่าตัดทีเดียวให้มันจบ แล้วรักษาแผล รักษาใจหลังจากนี้ แล้วก็ให้เดินไปข้างหน้สได้อย่างมีพลัง ฉะนั้นเมื่อมันสุดแรงเอื้อม หนิงขอจบปัญหาเองดีกว่า หนิงอยากจับมือกับเขาต่อแต่ในสถานะที่เขาเป็นพ่อของลูกหนิง อย่างน้อยๆ ให้ลูกได้รู้สึกภูมิใจว่าพ่อยังได้ทำหน้าที่การเป็นพ่อให้กับลูก”

ธัญญา เผยว่า “ตอนนี้ยังไม่หย่ากัน สถานะยังเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นการที่บุคคลที่สามเข้ามา หรือว่าไปเกี่ยวพัน เกี่ยวโยงอะไร ที่มันมีสาเหตุทำให้ครอบครัวเขาแตกแยก สั่นคลอนก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นอยากจะเตือน เอาเป็นว่ารวมๆ สาวๆ ทั้งหลาย หรือว่าบุคคลที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนที่เขาจดทะเบียนสมรส ตรงนี้เขามีกฎหมายคุ้มครอง เพราะฉะนั้นก่อนจะทำอะไรต้องคิดให้ดีๆ ซึ่งเราก็เห็นแล้ว การที่บ้านใหญ่แล้วกัน มีความเจ็บปวดนะ ทุกข์ใจ ลูกอีก มันเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกๆ สังคม เพราะฉะนั้นก่อนที่จะทำอะไรคิดดีๆ”