จากกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกมาเปิดเผยถึงคดีของ นางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือ “แอม” ภรรยาของนายตำรวจจังหวัดราชบุรี ผู้ต้องหาคดี ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลังพบสารพิษในร่างกายของเพื่อนสาวชาว จ.กาญจนบุรี ที่ไปเที่ยวด้วยกัน โดยมีมูลเหตุมาจากเรื่องหวังในทรัพย์สิน รวมถึงประเด็นการฆ่าล้างหนี้ ภายหลังยังพบว่า พฤติกรรมของ น.ส.แอม ไปเกี่ยวโยงกับการเสียชีวิตปริศนาของบุคคลอีก 10 ราย ที่มีลักษณะเดียวกัน ดังที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 15.30 วันที่ 26 เม.ย. ที่ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดี แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าในภาพรวมการสืบสวนสอบสวนทุกกรณีว่า วันนี้ผู้ที่ถูกวางยาแต่รอดชีวิต ได้เดินทางเข้ามาให้ข้อมูลกับคณะทำงานแล้ว อยู่ระหว่างสอบสวนรายละเอียด ส่วนผู้เสียชีวิต จนถึงขณะนี้ พบว่ามีผู้เสียชีวิตอันต้องสงสัยว่า ถูกนางแอม วางยาไซยาไนด์ 13 คนแล้ว ในจำนวนนี้มีเพียงกรณีของนางสาวก้อย ที่คดีอยู่ในความดูแลของกองบังคับการปราบปราม

“บิ๊กโจ๊ก”เผยพบคนตายแล้วรวม12ศพ รอดตาย1เป็นพยานปากสำคัญ

ขณะที่คดีอื่นๆ ให้ท้องที่ดูแลรับผิดชอบในการทำคดี ซึ่งได้กำชับให้ทำงานโดยระเอียดรอบคอบ โดยมีพนักงานสอบสวนจากส่วนกลางช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด แต่สำนวนทุกคดีจะเป็นผู้ตรวจทานความสมบูรณ์เรียบร้อยทั้งหมด แต่ไม่ใช่การรวมสำนวนคดี เพราะไม่จำเป็นต้องรวมสำนวนคดีกัน เนื่องจากแต่ละคดีไม่เกี่ยวข้องกัน เพียงแต่มีผู้ต้องสงสัยคนเดียวกันเท่านั้น โดยในวันศุกร์นี้ เวลา 10.00 น. ได้นัดหมายให้พนักงานสอบสวนทุกคดี เข้ามาประชุมรายงานความคืบหน้าพร้อมกัน ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความด้วยว่า สามารถแจ้งความได้ แม้จะไม่มีศพผู้เสียชีวิตแล้ว ซึ่งพนักงานสอบสวนจะดำเนินการ รับเลขคดีและทำการสืบสวนสอบสวนให้ตามขั้นตอนเหมือนทุกคดี พร้อมกำชับประเด็นการสืบสวนสอบสวนให้พนักงานสอบสวนดูประวัติการป่วยของผู้เสียชีวิตทุกคน ตรวจสอบการได้มาซึ่ง ไซยาไนด์ ของแอม สอบสวนพยานผู้เสียหาย, ผู้ประสบเหตุ และพยานแวดล้อมให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งวันนี้เจ้าหน้าที่นิติเวช, พิสูจน์หลักฐาน ได้ลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ, ตรวจเก็บวัตถุพยานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในทุกคดี และคดีนี้ไม่ตัดจบที่นางแอม ทางการสืบสวนสอบสวนจะอยู่บนการตั้งสมมุติฐานว่า มีผู้ให้คำปรึกษาหรือให้การสนับสนุนหรือไม่ ด้านใดบ้าง 

ส่วนประเด็นการทำงานของพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุกรณีพบคดีการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ แล้วไม่ส่งชันสูตรศพ ตามกฎหมายกำหนดนั้น ยอมรับว่า ในทางปฏิบัติทำได้ไม่ทั่วถึง เพราะในพื้นที่ห่างไกล ไม่มีแพทย์นิติเวช พนักงานสอบสวนจึงยึดความประสงค์ของญาติว่า ติดใจหรือไม่ ประสงค์ส่งศพผ่าชันสูตรหรือไม่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะพบว่า กรณีหัวใจล้มเหลว หัวใจวาย ครอบครัวผู้สูญเสียมักไม่ติดใจ ไม่ประสงค์ให้ผ่าชันสูตร  

ทั้งนี้ ในอนาคตจะกำชับให้พนักงานสอบสวนทุกพื้นที่ เคร่งครัดในการปฏิบัติในการส่งศพผ่าชันสูตรทุกกรณีที่พบว่า เป็นการเสียชีวิตแบบผิดธรรมชาติ.