เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณลานธรรม วัดในเขา ต.บ้าหวี อ.หาดสำราญ จ.ตรัง พระมหารัตนากร ปวโร (นาคพล) เจ้าอาวาสวัดฯ และยังเป็นเจ้าคณะตำบลท่าพญา และเลขาฯ เจ้าคณะอำเภอปะเหลียน นายถนอม ชิตแก้ว ประธานคณะกรรมการวัดฯ และเป็นอดีตกำนันตำบลบ้าหวี พร้อมด้วย ชาวบ้านในชุมชนร่วมกันอัญเชิญพระพุทธรูปพระพุทธรตนโชติ (หลวงพ่อแก้ว) อายุประมาณ 46 ปี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าของชุมชนที่ถูกทิ้งไว้ภายในสวนยางพาราของชาวบ้านที่อยู่ติดกับป่าช้าของวัด มาประดิษฐานภายในวัด ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับวันพระ ได้มีบรรดาญาติโยมได้เข้ามากราบไหว้กันอย่างไม่ขาดสาย โดยจะจัดตั้งไว้จนถึงวันที่ 10 พ.ค. ก่อนนำไปบูรณะซ่อมแซมให้กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม

สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ พระมหารัตนากรฯ เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ไปเจอพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวถูกทิ้งไว้ในสวนยาง จึงอธิษฐานว่าถ้าอยากมาประดิษฐานอยู่ภายในวัดในเขา ขอให้ดลจิตใจให้มีญาติโยมนำกลับมาบูรณะ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเพียงแค่ 7 วัน มีญาติโยมเข้ามาถวายสังฆทาน แล้วอยู่ๆ ญาติโยมก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้ามีพระพุทธรูปอยากให้สร้างหรือซ่อม โยมมีลูกชายเป็นช่างปั้น ให้พระมหารัตนากรฯ แจ้งความประสงค์ได้เลย” ทำให้พระมหารัตนากรฯ ได้เอ่ยปากว่า ได้อธิฐานไปเมื่อ 7 วันก่อนนี้เอง จึงอยากบูรณะพระพุทธรูปองค์จริงๆ หลังจากนั้นจึงนิมนต์พระพุทธรูปดังกล่าวมาประดิษฐานไว้ที่วัดระหว่างรอญาติโยมมารับเป็นเจ้าภาพบูรณะ ก่อนมารับไป

พระมหารัตนากร ปวโร (นาคพล) เจ้าอาวาสวัดฯ กล่าวว่า พื้นที่ของ ต.บ้าหวี แต่เดิมไม่มีวัด เมื่อถึงเวลาจะร่วมงานบุญ ชาวบ้านต้องเดินทางไปยังวัดหนองสมาน ต.หาดสำราญ ประกอบกับการสัญจรในสมัยก่อนถนนหนทางลำบาก จนในปี พ.ศ. 2509 มีครอบครัวของนายคริ้ง นางเหียบ ชิตแก้ว ได้บริจาคมอบที่ดิน 7 ไร่ สร้างวัด ชาวบ้านส่วนใหญ่เห็นด้วยจึงรวมตัวกันสร้าง แล้วส่งตัวแทนเดินทางไปนิมนต์ พระเหียม เพชรอินทร์ เป็นพระลูกวัดนานอน ต.นาท่ามใต้ อ.เมือง จ.ตรัง จึงตั้งชื่อ ‘สำนักสงฆ์คีรีราชพัฒนา’ ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2509-2520 ระยะเวลา 11 ปี แล้ว จึงลาสิขาบทออกไปซื้อที่ดินปลูกยางพารา สร้างบ้านอยู่ติดกับป่าช้า อยู่ห่างกับสำนักสงฆ์ฯ ประมาณ 1 กิโลเมตร

พระมหารัตนากร กล่าวต่อว่า ช่วงที่ทำสวนอยู่นั้นยามว่าง ‘ทิดเหียน’ ซึ่งมีพรสวรรค์ในการปั้น จึงออกแบบปั้นพระพุทธรูปด้วยปูนซิเมนต์ ตามแบบแนวคิดชื่อพระพุทธรตนโชติ (หลวงพ่อแก้ว) ทำการปั้นด้วยมืออยู่ในสวนยางพารา สร้างจนแล้วเสร็จ 2 องค์ ต่อมาได้ขายที่ดินสวนยางพาราดังกล่าวให้กับคนในพื้นที่ แล้วกลับไปอยู่บ้านเกิด และเสียชีวิตลง ซึ่งตลอดเวลาทางเจ้าของที่ใหม่ก็ไม่ได้ทำลายพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวแต่อย่างได ทั้งที่ล้มยางพาราแล้วปลูกใหม่ทดแทนไปแล้ว ต่อมาไม่นานมีชาวบ้านในพื้นที่ ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน ฝันว่ามีพระพุทธรูปอยู่ข้างป่าช้าใน ต.บ้าหวี 2 องค์ จึงเดินทางมาพิสูจน์ความฝัน ผลปรากฏว่ามีจริงๆ จึงอัญเชิญ องค์เล็กไปบูชาที่วัดโคกมะขาม หรือวัดหาดเลา เพียงองค์เดียว จนเป็นที่เคารพบูชามาจนถึงปัจจุบัน ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งองค์ยังปล่อยทิ้งอยู่ในสวนยางพารา

พระมหารัตนากร กล่าวว่า เวลาได้ผ่านไปทางสำนักสงฆ์คีรีราชพัฒนา ได้ยกฐานะขึ้นมาเป็นวัด โดยมีเจ้าอาวาสถึง 2 รูปด้วยกัน ซึ่งทั้งสองได้มรณภาพไปหมดแล้ว รวมทั้งพระเหียน จนวันที่ 10 ก.ค. 64 หรือ 2 ปีกว่าที่ผ่านมา ทางคณะสงฆ์มีคำสั่ง ส่งพระนักเทศน์ ทุ่นเล่าเรียนหลวง รุ่นที่ 1 เจ้าอาวาสรูปใหม่ คืออาตมา พระมหารัตนากร ปวโร (นาคพล) เข้ามารับตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดในเขา กระทั่งได้ลงพื้นที่สำรวจป่าช้าวัดจนมาพบเห็นพระองค์ดังกล่าวจึงอธิษฐาน กระทั่งมีญาติโยมมาสอบถามเรื่องซ่อมแซมพระดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พระพุทธรูปดังกล่าวถูกนำมาประดิษฐานภายในวัดระหว่างรอญาติโยมนำไปบูรณะ ได้มีบรรดาชาวบ้านและสาธุชนที่ทราบเรื่องราวคำอธิษฐานของเจ้าอาวาส ต่างแห่กันนำดอกไม้เข้ามาจุดธูป เทียน บูชาพระพุทธรูปทันที เพื่อขอพร ขอโชคลาภ โดยที่ส่วนใหญ่ต่างนำเอาอายุของพระพุทธรูป คือ 46 ปี และวันที่ในการนำพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวมาประดิษฐานคือ วันที่ 27 ตรงกับ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 และบางรายถึงกับเห็นเลข 460 แล้วนำไปหาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ได้มีพ่อค้าแม่ค้านำมาจำน่ายภายในวัดกันจนหมดเกลี้ยงแผง