เกมลีกอาร์เจนตินา นัดที่ ริเวอร์เพลท เปิดบ้านรับการมาเยือนของ โบคา จูเนียร์ส คู่อริตลอดกาล เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ดุเดือดเลือดพล่านสมราคาแห่งการเป็นเกม “ซูเปร์เอลกลาซิโก” หลังเกิดเหตุนักเตะทั้ง 2 ทีมตะลุมบอนกันในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และต้องใช้เวลาเคลียร์สถานการณ์ถึง 15 นาที ส่งผลให้มีนักเตะของทั้ง 2 ทีมโดนใบแดงไล่ออกไปรวมกันถึง 6 คน ก่อนที่เจ้าบ้านจะเฉือนชนะหวุดหวิด 1-0 ในที่สุด

ในเกมดังกลฃ่าว ทั้ง 2 ทีมสู้กันสูสี และยังเสมอกัน 0-0 จนกระทั่งช่วงทดเจ็บ ริเวอร์เพลท มาได้จุดโทษ และเป็น มิเกล บอร์ฮา สังหารตุงตาข่าย ท้ามกลางเสียงเชียร์ของแฟนบอล 83,000 ในเอสตาดิโอ โมนูเมนทาล ทันใดนั้น อกุสติน ปาลาเวชิโน นักเตะเจ้าถิ่น กับ เซร์คิโอ โรเมโร นายทวารจอมเก๋าของทีมเยือน เกิดมีปากเสียงกัน ก่อนที่นักเตะทั้ง 2 ฝ่ายจะกรูเข้าใส่กัน และมีทีท่าจะบานปลาย ร้อนถึงตำรวจปราบจลาจลต้องลงมาระงับเหตุ โดยต้องใช้เวลาถึง 15 นาทีกว่าเหตุการณ์จะสงบ และทำให้เกมต้องต่อเวลาในช่วงทดเจ็บออกไปถึง 19 นาที

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ มิเกล เมเรนเทียล, เอเซเกล เฟอร์นานเดซ และ นิโคลัส บาเลนตินี 3 นักเตะของ โบคา โดนใบแดง ส่วนฝั่งเจ้าถิ่นมี ปาลาเวชิโน, เอเซเกล อิกนาซิโอ เซนตูเรียน และ เอเลียส โกเมซ รวมถึง ฮอร์เก อัลมิรอน มือขวาของ มาร์ติน เดมิเคลิส กุนซือของทีม ที่โดนใบแดง

หลังเกม โรเมโร นายทวาร โบคา ซึ่งเป็นคู่กรณีต้นเกตุ ยืนยันว่าเขาเพียงแค่จะเข้าไปเตือน ปาลาเวชิโน ที่เข้ามาเยาะเย้ยเท่านั้น ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะลุกลาม โดยกล่าวว่า “ปาลาเวชิโน เข้ามาตะโกนคำว่า โกล์ ใส่หน้าเรา ผมก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรนะ แค่เข้าไปคว้าเอวเขาแล้วบอกว่าอย่าทำอย่างนี้ แต่เพื่อนร่วมทีมของผมคิดว่าผมกำลังจะมีเรื่องเลยกรูกันเข้ามา”