เมื่อวันที่ 10 พ.ค. พ.ต.ต.อรรถพล สายทองแก้ว สว.(สอบสวน) สภ.วิชิต จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 9 พ.ค. รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ภายในบ้านแห่งหนึ่ง ถนนเมืองทอง-เขาขาด หมู่ 6 ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.วิชิต ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต ชุดสืบสวนภาค 8 ชุดสืบสวน สภ.วิชิต เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต แพทย์นิติเวช รพ.วชิระภูเก็ต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านแฝด 2 ชั้น หน้าบ้านมีชาวบ้านมายืนมุงดูและวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริเวณชั้นล่างใกล้โต๊ะอาหารด้านหลังห้องรับแขก พบ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน สภาพบาดเจ็บถูกกระสุนเข้าหน้าบริเวณจมูก เลือดอาบนั่งรอเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ยังมีสติและพูดจารู้เรื่อง จึงรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และใกล้กันบนพื้นพบศพ นายบี (นามสมมุติ) อายุ 56 ปี ชาวอ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพรสภาพนอนจมกองเลือดมีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ขมับขวากระสุนทะลุ 1 นัด คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 นาที โดยบนเก้าอี้เบาะผ้าสีแดงติดกับโต๊ะกินข้าวยังพบปืนขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 6 นัด ถูกยิงไปแล้ว 3 นัด และยังพบหัวกระสุนปืนฝังอยู่ในเบาะโซฟา 1 หัว และทะลุกระจกหน้าต่าง 1 นัด บนโต๊ะอาหารมีกับข้าว เบียร์ 2 กระป๋อง และสปาย 1 ขวด จึงเก็บและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนหนังสืออยู่โรงเรียนเดียวกัน จากนั้นต่างฝ่ายต่างไปมีครอบครัว กระทั่งทั้งคู่โสด ได้กลับมาคบหาเป็นแฟนกันไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุนายบี เดินทางมาจากจังหวัดชุมพรเพื่อมาธุระ แล้วมาพักที่บ้านที่เกิดเหตุโดยซื้อเครื่องดื่มมาดื่มกินและได้ทำกับข้าวกินกัน ระหว่างที่นั่งดื่มกินกันอยู่ๆ น.ส.เอ บอกว่าให้กลับไปคบหาเป็นเพื่อนกับแบบเดิมถ้าจะมาที่บ้านให้บอกล่วงหน้าก่อน แต่นายบี บอกว่า หากเลิกกันก็อย่าอยู่ทั้ง 2 คนแล้วไปเอาปืนในรถมาใช้มือกดหน้า น.ส.เอ ติดกับกระจกหน้าต่างแล้วใช้จับปืนยิงที่ขา น.ส.เอ แต่ไม่ถูกทำให้หัวกระสุนไปฝังในเบาะโซฟา 1 นัด และยิงใส่ใบหน้าบาดเจ็บ ก่อนใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงเข้าขมับล้มลงเสียชีวิต ต่อมา น.ส.เอ เรียกบุตรสาวที่ซึ่งอยู่ในห้องนอนชั้น 2 ลงมาแจ้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดังกล่าว เบื้องต้นนำศพส่งชันสูตร พร้อมรอสอบปากคำ น.ส.เอ อย่างละเอียดอีกครั้งก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป