เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณีปรากฏภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ร่วมเฟรมเดียวกันระหว่างร่วมชมเกมฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ที่ประเทศอังกฤษ ทำให้มีหลายฝ่ายมองว่าเป็นการตอกย้ำกระแสข่าวดีลลับ ว่าตนเพิ่งทราบจากสื่อ แต่นายเศรษฐาเคยพูดไว้ก่อนแล้วว่าจะไปดูฟุตบอล ถ้าตั้งสมมุติฐานเรื่องดีลลับตนไม่มีความเห็น เชื่อว่านายเศรษฐาไม่ใช่คนเช่นนั้น กรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนจะจริงหรือไม่จริงต้องดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

 เมื่อถามว่าภาพดังกล่าวเกิดขึ้นจังหวะเดียวกับที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ออกมาเปิดเผยเรื่องดีลลับของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่าตนไม่มีความเห็นและนายเศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พท. ภารกิจที่เขาไปทำเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เป็นภารกิจของพรรค ยืนยันว่าในมุมของพรรคไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร เราขอปฏิเสธว่าไม่มีดีลลับอะไรต่างๆ แม้แต่เจ้าตัวที่ถูกพาดพิงก็แจ้งมาในสื่อโดยตรง ฉะนั้นขอยืนยันอย่าเอาเหตุการณ์ในหลายๆ เรื่องไปผูกให้เป็นเรื่องสอดรับสอดคล้องกัน ปรากฏการณ์อาจเกินขึ้นในจังหวะที่สอดรับกันได้ แต่ตนมั่นใจว่าไม่ใช่ และขอยืนยันว่าไม่ใช่ในนามพรรค พท. 

นพ.ชลน่าน ยังกล่าวถึงกรณีปัญหาระหว่างพรรค พท. กับพรรคก้าวไกลนั้น ได้มีการคุยภายในกันหรือยัง ว่า เรามีคณะเจรจาของแต่ละพรรคที่จะทำงานร่วมกัน เขาอาจพบปะกันทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการหากเป็นทางการยอมรับว่า หลังจากวันที่ร่วมเซ็นเอ็มโอยู ยังไม่ได้หารือกันอย่างเป็นทางการ ประเด็นต่างๆ ที่เกิดขึ้นเราต้องมองภาพมิติสังคมประชาธิปไตยเป็นหลัก การแสดงความเห็นของแต่ละฝ่ายเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ในมุมของพรรค พท. ยึดหลังคณะเจรจา

โดยความเห็นที่ออกมาจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คณะเจรจา เป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเจรจา ถือเป็นประเด็นภายนอกไม่เช่นนั้นจะทำเราหลงประเด็น ในมุมของพรรค พท. และพรรคก้าวไกล เราไม่มีข้อขัดแย้งกัน คณะเจรจาเขาดำเนินการไปด้วยดี เพียงแต่พวกเราไปยึดติดการนำเสนอผ่านสื่อมากเกินไปจึงเห็นว่าเป็นข้อขัดแย้ง ยืนยันไม่ใช่ข้อขัดแย้ง และพรรคก้าวไกลกับพรรค พท. ต้องหาความเห็นร่วมในความเห็นต่างให้ได้

เมื่อถามว่าปัญหาต่างๆ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นพ.ชลน่าน ได้ประสานหรือพูดโดยตรงกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า โดยตรงไม่มีเพราะมอบให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. เป็นคนประสานงานหลัก

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการแบ่งเก้าอี้ในคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมได้พูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวแล้วหรือยัง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การพูดอย่างเป็นทางการไม่มี การทำงานร่วมกันนั้นปฏิเสธเรื่องการจัดสรรตำแหน่งไม่ได้ และเราระมัดระวังว่าการจัดสรรตำแหน่งของเราพยายามนำเสนอให้ประชาชนเห็นภาพว่าเราแบ่งงานกันทำตามวาระงาน ตามวาระหน้าที่ที่เหมาะสมตามนโยบายของแต่ละพรรค พรรคแกนนำได้ให้แนวทางมาเช่นนั้น ฉะนั้นมุมมองที่เราจะสื่อออกไปต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ ไม่อยากให้เกิดในลักษณะแย่งงานกันทำ

ผู้สื่อข่าวถามถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ยังยืนยันว่าควรเป็นของพรรค พท. หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอนนี้คณะเจรจากำลังคุยกัน ตนในฐานะหัวหน้าพรรคและมีชื่อตัวเองไปเกี่ยวข้องไม่อยากแสดงความเห็นในเรื่องนี้ เป็นหน้าที่ของคณะเจรจา เป้าหมายสำคัญที่สุดของการทำงานร่วมกันของพรรคก้าวไกลและพรรค พท. เราต้องให้ความสำคัญของอาณัติประชาชนจำนวน 25 ล้านเสียง ที่ประชาชนมอบให้เรามาเสมือนเป็นการมัดให้เราทำงานร่วมกัน ต้องเอาตรงนั้นเป็นหลัก เขาต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย ที่จะไปปิดกั้นยุติการสืบทอดอำนาจ การจัดตั้งรัฐบาลรวมถึงการเลือกนายกฯที่เราประกาศชัดเจนว่าเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ นั้น คือเป้าหมายหลัก ควรยึดตรงนั้นและหาทางออกร่วมกัน ทำงานร่วมกัน เพื่อไปถึงเป้าหมายเชื่อว่าคุยกันได้

เมื่อถามย้ำว่า มีชื่อ นพ.ชลน่าน ไปเกี่ยวข้องกับประธานสภา ถ้าพรรคร่วมเลือก พร้อมหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังไม่ตอบ ต้องดูผลเจรจาว่ามีทางออกอย่างไร

เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค พท. มองว่าการตั้งรัฐบาล ตำแหน่งประธานสภา ต้องนำไปรวมกับเก้าอี้บริหารด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่าตามหลักเสียงข้างมากเด็ดขาดเรายอมรับในมุมนั้น เพราะเขามีสิทธิกำหนดตำแหน่งต่างๆ ทั้งบริหารและนิติบัญญัติ ให้สอดรับการทำงานของแต่ละฝ่าย แต่กรณีที่เป็นลักษณะพรรคร่วม มีวิธีคิดหลายเรื่องที่จะหาโอกาสทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะพรรคร่วมที่มีเสียงใกล้เคียงกันอาจมีทิศทางหรือแนวทางในการทำงานร่วมกันภายใต้การยอมรับซึ่งกันและกัน แต่ข้อยุติบางอย่าง ยุติด้วยตัวมันเอง เช่นเสียงข้างมากเด็ดขาด แต่กรณีความเห็นต่างที่มีเสียงก้ำกึ่งกัน ต้องอาศัยเสียงข้างมากในการตัดสิน การทำงานร่วมกันถ้าทุกฝ่ายให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราก็ไปด้วยกันได้

เมื่อถามว่า ความเห็นต่างที่เกิดขึ้นจะทำให้อาณัติประชาชนที่มัดเราด้วยกันคลายออกได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน ตอบว่า ตนมั่นใจว่าคลายไม่ได้ เพราะเรายึด 25 ล้านเสียงเป็นหลัก เรายึดเป้าหมายรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยเป็นหลัก ตรงนี้ยากที่จะคลายออกจากกันได้ ถ้าฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่งแยกออกไป ย่อมทำให้ความหวังของประชาชนเสียหาย.