กรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ร้องสื่อให้ช่วยประสานฝ่ายงานเกี่ยวข้อง ตรวจสอบเรื่องของ น.ส.บี (นามสมมุติ) บุตรสาววัย 19 ปี ที่สอบติดคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังได้ แต่หลังจากไปตรวจร่างกายยัง รพ. แล้วปรากฏว่า แพทย์เจอสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ ทำให้ไม่สามารถออกใบรับรองการตรวจสอบสุขภาพได้ ทั้งที่ น.ส.บี ไม่เคยไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดแต่อย่างใด เหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ น.ส.บี มีสิทธิจะพลาดการเรียนต่อ ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น

อดเรียนเภสัชฯ! นศ.สาวกินยาผิวขาวดันเจอสารยาบ้า ‘บ.อาหารเสริม’ เชื่อได้ของปลอม

คืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ สำนักงาน Decha & Ibs ทนายคลายทุกข์ น.ส.อภิรมณ สุขสีทา อายุ 27 กรรมการ บริษัทธันย์รดา 59 จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์กลูตา (บำรุงผิว) ที่ตกเป็นข่าว เข้าพบทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เจ้าของเพจทนายคลายทุกข์ เพื่อแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงแนวทางการดำเนินการทางกฎหมาย เนื่องจากข่าวที่นำเสนอออกไปทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของบริษัทเพื่อความโปร่งใสต่อหน้าสื่อมวลชนด้วย

น.ส.อภิรมณ ระบุว่าได้รับแจ้งจากแม่ของเด็กเมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า ลูกสาวกินกลูตาของบริษัทตน แล้วตรวจพบสารเสพติด พอได้รับทราบก็รีบสอบถามข้อเท็จจริงและแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะรีบตรวจสอบผลิตภัณฑ์ตัวเอง ซึ่งทางแม่น้องบอกว่า ลูกเป็นคนดีและไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด อีกทั้งกำลังเข้ามหาวิทยาลัย แต่ผลตรวจร่างกายก่อนรายงานตัว จึงไม่สามารถเข้าเรียนได้ เลยขอถามตนว่า จะให้ความช่วยเหลือเยียวยา หรือรับผิดชอบอย่างใด จากนั้นตนก็ยืนยันว่า เปิดขายกลูตามาเป็นระยะเวลาปีกว่าแล้ว ก็ไม่เคยปรากฏเจอปัญหาสารแปลกปลอมปนเปื้อนเหมือนเคสนี้ ดังนั้นจึงจะขอไปตรวจสอบกลูตาของตนก่อน เพื่อหาทางช่วยเหลือเยียวยาต่อไป ซึ่งทางแม่ก็กล่าวว่าจะนำกลูตาไปตรวจสอบซ้ำเช่นกัน ทางตนก็ยินดี

ปรากฏว่าในวันถัดมา กลูตาของตนก็ตกเป็นข่าวว่ามีสารเสพติดโดยการให้ข่าวของแม่ลูกคู่นี้ ทั้งที่คุยกันแล้วว่าจะนำผลิตภัณฑ์ไปตรวจสอบก่อน ทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัทอย่างมากและเสียชื่อเสียง อีกทั้งข่าวที่นำเสนอออกไปโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้หลายคนและเกิดข้อสงสัย จนส่งผลกระทบทำให้ลูกค้ายกเลิกออร์เดอร์ไปมากกว่า 50 ราย ซึ่งก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมสำหรับตนอย่างมากและทำให้ธุรกิจของตนได้รับความเสียหาย

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์กลูตาตน ได้รับการยืนยันจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และใบรับรองจากโรงงานแล้วว่าไม่พบสารเสพติดหรือสารปนเปื้อนแต่อย่างใด อีกทั้งหลังเป็นข่าวก็นำส่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อีกรอบ เมื่อ 29 พ.ค. เพื่อความบริสุทธิ์ใจ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้ขอชะลอการผลิตแล้ว

น.ส.อภิรมณ ยอมรับว่า พอทราบข่าวก็สติแตก กระทบกับธุรกิจตัวเองอย่างมาก ขอยืนยันว่า ผลิตภัณฑ์ตนเองปลอดภัย แต่หลังจากนี้คงต้องใช้สิทธิทางกฎหมายเพื่อป้องกันตัวเอง ธุรกิจของตนกำลังเติบโต แต่ข่าวที่ออกมาทำให้ธุรกิจเกือบพังทลาย แต่ยังให้โอกาสเจรจา ขอให้แม่ลูกติดต่อกลับมาพูดคุย เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อกลับมาเลย

ทนายเดชา ระบุว่า ได้รับมอบหมายให้เตรียมฟ้องดำเนินคดีกับแม่ลูกคู่นี้ ในข้อหา “กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงของบริษัทตนเอง เสียชื่อเสียง แผนการตลาดธุรกิจต่าง ๆ” และ “ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และตาม พ.ร.บ.คอมพ์ ” รวมทั้งฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 50 ล้านกับแม่ลูกคู่นี้ โดยให้ไปพิสูจน์ความจริงที่ศาล ทั้งยังมองว่า แม่คู่กรณีนี้ยังคงให้ข่าวไม่หยุด ชัดเจนว่ามีเจตนาไขข่าวว่ากลูตามีสารเสพติด ถือว่ารุนแรงและทำให้บริษัทเสียหาย แม้ผลของลูกออกมาเป็นลบก็ยังไม่หยุด ดูแล้วไม่น่าจะเป็นการให้ข่าวด้วยความเป็นธรรมโดยไม่ตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน ทั้งนี้ จะให้ระยะเวลาแม่ลูกติดต่อกลับมาสักระยะก่อน หากไม่รีบติดต่อกลับมาจะฟ้องศาลจังหวัดบุรีรัมย์ทันที

จากนั้น มีการสาธิตการทานกลูตาเพื่อความบริสุทธิ์ปลอดภัย โดยให้ผู้บริโภคตัวอย่างซึ่งทานเป็นประจำมา 3 เดือน และทานครั้งล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาตอนเที่ยงคืนของวันนี้มาแล้ว 2 เม็ด ซึ่งผู้บริโภครายนี้ทานให้ดูอีกรอบจำนวน 2 เม็ด ต่อหน้าสื่อ หลังจากนั้นก็นำผงในแคปซูลยาไปตรวจ โดยนำชุดตรวจยาเสพติดจาก สน.โคกคราม มาใช้สาธิต พบว่าจากการนำตัวอย่างน้ำละลายกลูตา ชุดตรวจขึ้น 2 ขีด ซึ่งแสดงผลว่า ไม่พบสารแอมเฟตามีนแต่อย่างใด ส่วนผลการตรวจปัสสาวะของตัวอย่างผู้บริโภครายนี้ พบว่าชุดตรวจขึ้น 2 ขีด ไม่พบสารเสพติดดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนี้จะนำผลตรวจไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.โคกคราม ต่อไป