กรณี สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ว่า สื่อรัสเซียรายงานว่า เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเป็นชาวรัสเซียในวัย 20 ปี และคลิปวิดีโอซึ่งเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ในอียิปต์ แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์ ที่ชายคนนี้พยายามหนีจากปลาฉลามตัวหนึ่งโจมตี สุดท้ายเสียชีวิต ตรวจสอบพบว่าเป็นปลาฉลามเสือ โดยเบื้องต้นต่างสงสัยว่า ปลาฉลามตัวนี้มี “พฤติกรรมที่ผิดปกติ” จนนำมาสู่เหตุการณ์สลดดังกล่าว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

สลด! ปลาฉลามเสือในทะเลแดงขย้ำหนุ่มรัสเซียดับอนาถ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ “World Forum ข่าวสารต่างประเทศ” มีการโพสต์คลิปขณะฉลามตัวดังกล่าวจู่โจมนักท่องเที่ยว และภาพชาวประมงช่วยกันจับฉลามตัวดังกล่าว พร้อมข้อความ “อียิปต์ : ฉลามกินคน นักท่องเที่ยวรัสเซีย ฉลามถูกล้อมจับ

เมืองตากอากาศชื่อดัง ฮูร์กาดา ประเทศอียิปต์ ชายฝั่งทะเลแดง นักท่องเที่ยว วลาดิมีร์ โปปอฟ วัย 23 ปี ลงว่ายน้ำในทะเลกับแฟนสาว ถูกฉลามเสือทะเลแดง ยาว 3 เมตร กัดลากลงใต้น้ำ จากนั้นเขาเสียชีวิต ส่วนแฟนสาวว่ายน้ำขึ้นฝั่งได้ทัน จากเสียงตะโกนของผู้คนให้ขึ้นฝั่ง ทั้งสองอยูห่างจากฝั่งเพียง 7 เมตร ฉลามยังวนเวียนกิน ร่าง วลาดิมีร์ โปปอฟ ราว 2 ชั่วโมง ท่ามกลางพ่อ และผู้คนที่ยืนดูแต่ทำอะไรไม่ได้

ต่อมาชาวประมง ชาวบ้าน ล้อมอวนจับฉลามเสือยาว 3 เมตร พวกเขาสามารถล้อมจับฉลามได้สำเร็จ และนำขึ้นฝั่ง ผู้คนต่างโกรธแค้นรุม ทุบ ตี ฉลาม สุดท้ายฉลามจบชีวิต ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นฉลามตัวเดียวกันที่ก่อเหตุ ล่าสุดทางกรมทรัพยากรของอียิปต์ได้นำฉลามไปตรวจสอบชิ้นส่วนมนุษย์ภายในท้องเพื่อยืนยัน

ในเมืองตากอากาศ ฮูร์กาดา ชายฝั่งทะเลแดงนั้นชาวรัสเซียนิยมมาพักผ่อน และเกิดเหตุฉลามทำร้าย ถึงชีวิต เกือบทุกปี อัปเดต ยืนยันพบชิ้นส่วน ศีรษะ แขน และอื่นๆ 50% ของร่างกายภายในท้องฉลาม

จากนั้น เพจยังมีการโพสต์ข้อความอีกว่า “อียิปต์ : เมืองฮูร์กาดา ฉลามกินคน (การผ่าพิสูจน์ ฉลามท้องแก่ใกล้คลอด) สรุปเรื่องฉลาม ฮูร์กาดา ทำร้ายนักท่องเที่ยว รัสเซียวัย 23 ปี วลาดิมีร์ โปปอฟ และจากการตรวจภายในท้องฉลาม พบอวัยวะมนุษย์ เกือบ 50% ของร่างกาย ชิ้นส่วนทั้งหมดมอบให้ครอบครัวเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา ส่วน ฉลามจะถูกดองจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ฉลามอายุประมาณ 8 ปี ยาว 3.25 เมตร น้ำหนักประมาณ 500 กก.ประเด็นประชาชน และชาวประมงท้องถิ่น ใช้อวนลากล้อมจับฉลาม และรุมประชาทัณฑ์ นั้นถูกวิจารณ์ อย่างหนัก เพราะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา แบบยั่งยืน

วลาดิมีร์ โปปอฟ เป็นนักท่องเที่ยวรัสเซีย แบบพำนักระยะยาวในฮูร์กาดา ตั้งแต่เกิดสงครามยูเครน ก่อนเขาลงว่ายน้ำในหาดดรีมบีซ 2 ชั่วโมงมีนักท่องเที่ยวพบฉลามตัวดังกล่าวว่าย วนเวียนอยู่บริเวณนั้น บริเวณดังกล่าวใกล้ร้านอาหารที่ยื่นออกไปในทะเล แต่ไม่มีการเตือนเขา หรือมีป้ายเตือน

ปกติฉลามจะอยู่ในเขตน้ำลึก มีโอกาสน้อยมากจะขึ้นมาโจมตีมนุษย์ ในเขตน้ำตื้นประมาณไม่ถึง 2 เมตร ฉลามตัวดังกล่าวถูกวิเคราะห์ว่า อาจเป็นไปได้เธอกำลังมาหาทำเลคลอดลูก อนุบาลลูก เพราะเป็นฉลามท้องแก่ หรือเธอกำลังมาหาอาหาร ในโซนร้านอาหาร ที่มักทิ้งเศษอาหารลงทะเล สัตว์ทะเลที่เป็นอาหารฉลามมักมารวมกัน อยู่บริเวณนั้น

อียิปต์ ถูกวิจารณ์ เรื่องการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน เนื่องจากไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้น มีเหตุการณ์บ่อยครั้ง ปีละ 1-2 ครั้ง อียิปต์เศรษฐกิจพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลักทุกครั้งต้องรีบให้เรื่องจบไวกลัวคนไม่มาเที่ยว ปัญหาไม่ถูกแก้ไข ชายหาดที่มีชื่อเสียงของอียิปต์ ฮูร์กาดา และเมือง ชาร์ม เอล ชีค อยู่ไม่ไกลกันเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวยุโรป การท่องเที่ยวทางทะเล นำรายได้มาสู่อียิปต์ จำนวนมาก และกิจกรรมดำน้ำชมระบบนิเวศ ดำน้ำดูฉลาม ได้รับความนิยมสูง ภูมิภาคนี้ทะเลอุดมสมบูรณ์ มีฉลามมากกว่า 50 สายพันธุ์

อีกประเด็นที่ได้รับการวิจารณ์ เมืองที่ห่างออกไปจากฮูร์กาดา มักทิ้งซากแกะลงทะเล ปัจจัยนี้ล่อให้ฉลามเข้ามาเขตน้ำตื้น รวมทั้งประเทศภูมิภาคทะเลแดงมีคนทิ้งซากสัตว์ลงทะเล ระยะความกว้างของทะเลสองฝั่ง 280 กม. ซากสัตว์จะถูกคลื่นซัดเข้าเขตน้ำตื้น ซากสัตว์ส่วนหนึ่งมาจากเรือขนสัตว์ เพราะเป็นเส้นทางสู่คลองสุเอซมีเรือขนสัตว์จำนวนมาก มีรายงานทุกปีเรือขนสัตว์ล่มบ่อยครั้ง หรือสัตว์ที่ตายแล้วอาจถูกโยนทิ้งลงทะเล เป็นสิ่งล่อให้ฉลามเข้าเขตน้ำตื้น อียิปต์กำลังพิจารณาให้ รีสอร์ท ติดตั้งตาข่ายในชายหาดตัวเอง เพื่อป้องกันฉลาม

ทั่วโลกในปี 2022 มีกรณีฉลามโจมตีได้รับการยืนยันทั้งหมด 57 กรณี โดย สหรัฐอเมริการายงานจํานวนสูงสุดที่ 41ครั้ง ตามมาด้วยออสเตรเลีย ระบุ ในจำนวน นี้ มีผู้เสียชีวิต 5 คนจากการโจมตี มีหลายความเห็นจากนักอนุรักษ์ นักเดินทาง และผู้ชื่นชอบทะเล ให้อียิปต์ แก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน ให้ความรู้แก่ประชาชน สถานประกอบการ และ มัคคุเทศก์ จะอยู่ร่วมกับฉลามอย่างไร รวมทั้งการเพิ่มป้ายเตือนนักท่องเที่ยว”

ขอบคุณข้อมูล – ภาพ เพจ “World Forum ข่าวสารต่างประเทศ”