เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ศาลาอบรมสงฆ์ วัดสามพระยา มีพิธีเปิดการฝึกซ้อม อบรม หรือสอบความรู้พระอุปัชฌาย์รุ่น 56 ปี 2566 จำนวน 349 รูป โดยมี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก ในฐานะประธานสมัชชามหาคณิสสร เป็นประธานเปิดการอบรม โดยในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บำเพ็ญพระราชกุศล ถวายภัตตาหาร น้ำปานะแด่พระสังฆาธิการผู้เข้าอบรมด้วย

สมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าวปฐมนิเทศพระสังฆาธิการที่ร่วมอบรม ว่า พระอุปัชฌาย์เป็นตำแหน่งสำคัญอย่างยิ่งในพระธรรมวินัย นอกจากคัดกรอง คัดเลือก กุลบุตรเข้ามาในพระศาสนาแล้ว ยังต้องปฏิบัติหน้าที่อื่นหลังบรรพชาอุปสมบท คือ อบรมสั่งสอนให้ภิกษุสามเณรนั้น ประพฤติดีประพฤติชอบตามพระธรรมวินัย เหมือนกับบิดามารดาให้กำเนิดบุตรแล้วจะต้องมีหน้าที่ปกครองดูแล เลี้ยงดูอบรมสั่งสอน บุตรธิดาของตนให้เป็นพลเเมืองดีของสังคมประเทศชาติ สมัชชามหาคณิสสรจึงได้กำหนดเป็นวิธีปฏิบัติ การฝึกซ้อม อบรม สอบความรู้พระอุปัชฌาย์ เป็นประจำทุกปี โดยเน้นทางวิชาการ ปฏิบัติการ และทางทดสอบประเมินผลอย่างครบถ้วนทุกประการ เพื่อให้ได้พระอุปัชฌาย์ที่มีศักยภาพ มีความสำนึกในหน้าที่ มุ่งความเจริญต่อพระพุทธศาสนาเป็นเกณฑ์ อย่าคิดว่าเราเป็นอุปัชฌาย์ มีหน้าที่ประธานให้การอุปัชฌาย์ อุปสมบทเท่านั้น เรารู้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องรู้ทุกหน้าที่ขั้นตอนของพระอุปัชฌาย์ จึงจะถือว่าเป็นพระอุปัชฌาย์ดี เป็นศรีพระศาสนา

สมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าวด้วยว่า อีกเรื่องสำคัญที่อยากฝากย้ำ การเป็นพระอุปัชฌาย์ต้องงดเว้นการให้บรรพชาอุปสมบทแก่คนต้องห้ามเหล่านี้ คือ 1.คนทำความผิดหลบหนีอาญาแผ่นดิน 2.คนหลบหนีราชการ 3.คนต้องหาในคดีอาญา 4.คนเคยถูกตัดสินจำคุก โดยฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ 5.คนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา 6.คนมีโรคติดต่อเป็นที่น่ารังเกียจ เช่น วัณโรคในระยะอันตราย 7.คนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้ หากพระอุปัชฌาย์ฝ่าฝืน จะต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ทันที