นายธนินท์ เจียรวนนท์ นายกสมาคมนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และประธานกิตติมศักดิ์ถาวรหอการค้าไทย–จีน กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก ครั้งที่ 16 ว่า ปัจจุบันโลกของเทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก เราจึงจำเป็นต้องศึกษาวิทยาการด้านต่าง ๆ จากสหรัฐอเมริกา และต้องนำทรัพยากรจากทั่วโลก ทั้งด้านบุคคลากร เงินทุน เทคโนโลยี และวัตถุดิบ เข้ามาที่จีน ซึ่งในวันนี้กล่าวได้ว่าจีนมีปัจจัยพื้นฐานในด้านต่าง ๆ เหล่านี้พร้อมที่จะพลิกโฉมการพัฒนาจากเดิมที่ใช้แรงงานราคาถูก เราจึงมีความมั่นใจในนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ โลกยุคใหม่ที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เศรษฐกิจคือ สงครามแข่งขันในด้านการค้า จึงต้องมีการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ บริการ และเทคโนโลยี รวมถึงต้องพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่ให้มีความรู้และความสามารถทัดเทียมระดับนานาชาติ แข่งขันได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำในเวทีโลก ซึ่งในโลกอนาคตจะเป็นโลกของหุ่นยนต์และไบโอเทคโนโลยี แต่ไม่ต้องกลัวคนตกงาน เพราะหุ่นยนต์จะใช้แรงงานแทนคน ส่วนคนต้องหันไปทำงานที่ใช้ทักษะสูงกว่านั้น
“การผลิตเทคโนโลยีเป็นเรื่องยาก แต่การนำมาใช้นั้นง่าย สมัยก่อนคนชอบมองว่าเกษตรกรจะไปใช้เทคโนโลยียากๆได้อย่างไร แต่ในความเป็นจริง ความยากมันอยู่ที่คนผลิตเทคโนโลยี แต่พอเกษตรกรนำมาใช้มันง่ายแล้ว อย่างตอนที่ตนขยายไปทำธุรกิจที่จีน ได้หาข้อมูลจนพบว่า มอเตอร์ไซค์ที่ทนที่สุด ขับขึ้นเขาได้ ซ่อมง่าย คือฮอนด้าซึ่งตอนไปญี่ปุ่น รุ่นนี้เค้าไม่ใช้กันแล้ว เพราะมีรุ่นที่ดีกว่า ทำให้เจรจาขอซื้อมาในราคาที่ถูกมากได้ และขายดีมากที่จีน ดังนั้น เราต้องเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเสมอไป“
ประธานอาวุโสเครือซีพี กล่าวต่อว่า ประเทศไทยของเรามีนโยบายส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรม 4.0 ของโลก ผ่านการพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่โครงการที่ช่วยส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย เช่น สิทธิปลอดภาษีโครงการที่ส่งเสริมการสร้างสรรค์เทคโนโลยี เป็นต้น ซึ่งในยุค 4.0 ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงยังมีความสำคัญ เพราะอีคอมเมิร์ชต้องอาศัย การผลิตสินค้าที่จับต้องได้ และต้องอาศัยโลจิสติกส์ โดยเฉพาะการขนส่งทางบก เพื่อส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภค การพัฒนาเศรษฐกิจที่แท้จริงที่ใช้นวัตกรรมในการผลิตให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูง มูลค่าสูงขึ้น จึงจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ชและโลจิสติกส์ดำรงอยู่ต่อไป
“การค้าของโลกในอนาคตนั้น จะต้องให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยี เพราะเมื่อมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย จะทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น คุณภาพของสินค้าก็จะดีขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค เศรษฐกิจในยุค 4.0 ไม่ได้หมายถึงให้เราละทิ้งธุรกิจเก่าที่เคยมีมาก่อน แต่ให้เราใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจที่เรามีอยู่ ทำให้ธุรกิจมีความทันสมัยมากขึ้น และสามารถขยายธุรกิจออกไปให้มากขึ้น
นายธนินท์ กล่าวว่า ไทยถือเป็นประเทศที่อยู่ในศูนย์กลางของอาเซียนซึ่งหลายประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทยโดยเฉพาะนักธุรกิจชาวจีนซึ่งอยากเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในโครงการอีอีซีเพราะในอนาคตภาคการผลิตถือว่ามีความสำคัญ
นอกจากนี้ ส่วนตัวมองว่า พลังงานไฟฟ้าสะอาดมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต โดยพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นพลังงานที่มีประสิทธิภาพ และมีต้นทุนต่ำ ซึ่งที่ผ่านมาผมไปหลายประเทศ อย่างล่าสุดไปฝรั่งเศส ก็มีการส่งเสริมการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์และไม่ได้มีการคัดค้านจากภาคประชาชนแต่อย่างใด เช่นเดียวกับจีน ก็มีการส่งเสริมพลังงานนิวเคลียร์ อย่างไรก็ตาม พลังงาน ลม น้ำก็จะมีความสำคัญเป็นพลังงานสะอาดแห่งอนาคต
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย–จีน และประธานกรรมการจัดงาน WCEC ครั้งที่ 16 กล่าวสุนทรพจน์ต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมว่า ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมจัดการประชุมในครั้งนี้ รวมถึงทุกคนที่ให้เกรียติกับหอการค้าไทยจีน เวทีนี้ถือเป็นการรวมพลังนักธุรกิจชาวจีน ในขณะนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก เป็นเวทีที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ของนักธุรกิจชาวจีนและนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลจากทั่วโลก ใช้เป็นโอกาสมาพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลและโอกาสทางธุรกิจ การค้า การลงทุน รวมถึงการกระชับความสัมพันธ์ และเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“หอการค้าไทยจีน ได้ให้ความสำคัญกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งการประชุมครั้งนี้จัดภายใต้หัวข้อร่วมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยภูมิปัญญานักธุรกิจจีน โดยหวังให้มีโอกาสพัฒนาจาก“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”ที่เป็นความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค และเขตอ่าวเศรษฐกิจกวางตุ้ง–ฮ่องกง–มาเก๊า“
ทั้งนี้ในการประชุมนักธุรกิจจีนที่เข้าร่วม ให้ความสนใจในการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี และอุตสาหกรรมต่อเนื่องในไทย เพราะเชื่อว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีรถปริมาณการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ซึ่งรัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมอยู่แล้ว ส่วนการที่ไทยกำลังจะได้ รัฐบาลใหม่และเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนก็สามารถทำให้เกิดการพัฒนาประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง