หลังจากที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย แถลงการณ์ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.66 หลักใหญ่ใจความ วงการฟุตบอลไทย ถูกแทรกแซงโดยทุกขั้วอำนาจ ทั้งการเมือง ธุรกิจ เรื่องส่วนตัว กลายเป็นพื้นที่แห่งความขัดแย้ง แตกแยก ส่วนตัวยังไม่ตัดสินใจจะลงสมัครชิงนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต่อหรือไม่ ขณะเดียวกัน อีกประเด็นที่้ร้อนแรง มาตีคู่ คือลิขสิทธิ์ไทยลีก 4 ฤดูกาล ที่มีข่าวว่ามีผู้ยื่นประมูลแค่ 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อเสนอที่รับไม่ได้ ทำให้หาทางออกด้วยการที่ 16 สโมสร จะไปจัดการด้านลิขสิทธิ สิทธิประโยชน์กันเอง

ล่าสุด วันที่ 29 มิ.ย. พล.ต.อ.สมยศ ยังมีแถลงการณ์เป็นฉบับที่ 2 ติดต่อกัน ขอบคุณ 16 สโมสรไทยลีก 1 ตนเองพร้อมสนับสนุนแนวคิดและแนวทางการแก้ไขปัญหาของสโมสรสมาชิกอย่างเต็มกำลัง หากแนวความคิดนั้นจะสามารถช่วยให้ฟุตบอลไทยเดินหน้าต่อไปได้ทั้งระบบ ไม่เกิดผลกระทบและขาดการสนับสนุนไปถึงฟุตบอลทีมชาติไทย ฟุตซอล ฟุตบอลชายหาด ทุกรุ่นอายุ ทั้งชายและหญิง ฟุตบอลลีกระดับไทยลีก 2-3 รวมถึงไทยแลนด์ อเมเจอร์ลีก,ผู้ตัดสิน, ผู้ฝึกสอน, การพัฒนาฟุตบอลรากหญ้า, พัฒนาบุคลากร, วิทยาศาสตร์การกีฬา อย่างครบถ้วนและเพียงพอ

“กีฬาเดลินิวส์” ได้รับรายงานด้วยว่า จากการที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง แถลงการณ์มา 2 ฉบับติดกันนั้น เป็นแค่ 2 ฉบับแรกเท่านั้น ประมุขบอลไทย เตรียมจะเปิดใจในด้านต่างๆ ออกมาเรื่อยๆ อาทิ เตรียมขอให้รัฐบาลมามีส่วนช่วยเหลือในการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทย ขณะเดียวกัน จากที่แถลงการณ์ฉบับแรก เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. มีท่อนที่บอกว่า ยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงสมัครเป็นนายก ต่อหรือไม่ ไม่ยึดติดกับตำแหน่งนั้น มีรายงานว่า ถึงตอนนี้ พล.ต.อ.สมยศ มีแนวความคิดว่า ไม่อยากลงสมัครชิงนายกฯ อีกแล้ว หลังจากเป็นมา เข้าสู่ช่วงปลายของวาระที่ 2 อย่างไรก็ตามก็ยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ทำให้มีแนวโน้มว่า บิ๊กอ๊อด จะยุติการบริหารวงการบอลไทย ไว้ที่การทำหน้าที่ 2 สมัย

นอกจากนี้ จากประเด็นปัญหาลิขสิทธิ์ไทยลีก ที่ลุกลามต้อนบอลไทย “เข้าตาจน” จนต้องให้ 16 สโมสร มาบริหารจัดการด้านลิขสิทธิ์ สินธิประโยชน์นั้น มีประเด็นน่าสนใจ ที่ “เสี่ยฟลุ๊ค” ธนวัชร นิติกาญจนา ของ ราชบุรี เอฟซี โพสต์ในทำนองว่า ก่อนหน้านี้ได้ปิดดีลกับบริษัทที่ยอมจ่ายมากกว่าปีที่แล้ว แต่ดีลล่มไปก่อน ระบุว่า “ข้อมูลที่ผมได้มาเกี่ยวกับมูลค่าไทยลีก จริงๆแล้วก่อนหน้านี้มีบริษัทนึงยอมจ่ายมากกว่าปีที่แล้วด้วยซํ้า ที่เค้ากล้าจ่ายก็แน่นอน ก็เพราะเค้ารู้ตัวเลขและสถิติจริง มีคนดูจริง เค้ารู้ว่าจ่ายแล้วคุ้ม แต่อาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่ทําให้ดีลล่มไป ปีที่แล้วมีธราทร ปีนี้มี ชนาธิป 50 ล้าน ตลกแล้วครับ”

“กีฬาเดลินิวส์” ได้รับรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ตกลงขายลิขสิทธิให้บริษัทหนึ่งแล้ว ในราคาประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี แต่อยู่ดีๆ บริษัทดังกล่าว กลับยกเลิกไปดื้อๆ นำไปสู่ความวุ่นวาย และคาดว่าเป็นสาเหตุที่ พล.ต.อ.สมยศ แถลงการณ์ว่า “วงการฟุตบอลไทยถูกแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม จากระบบราชการ จากทุกขั้วอำนาจ โดยการใช้วงการฟุตบอลไทยเป็นสนามต่อสู้ ต่อรองเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง ธุรกิจ หรือแม้แต่เรื่องส่วนตัว” ซึ่งมีรายงานว่า เพราะมีปัจจัยที่ทำให้ดีลที่ตกลงไว้แล้ว 500 ล้านบาท เกิดล่มขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ทำให้ดีล 500 ล้านบาทล่มนั้น ไม่ได้เกิดจาก 16 สโมสรไทยลีก หรือผู้บริหารสโมสรคนใดแต่อย่างใด.