นางเดบบี้ บัคแลนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ การ์ทเนอร์ บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก เปิดเผยว่า การ์ทเนอร์ได้คาดการณ์การใช้จ่ายด้านไอทีในกลุ่มบริการธนาคารและการลงทุนของประเทศไทย ในปี 66 จะสูงถึง 97 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.1% จากปี 65 โดยการใช้จ่ายในกลุ่มซอฟต์แวร์จะเติบโตมากที่สุด เพิ่มขึ้น 15.2% ขณะที่บริการไอที ยังเป็นหมวดการใช้จ่ายที่สูงที่สุด โดยคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 27 พันล้านบาท ในปี 66 เพิ่มขึ้น 10% จากปี 65 ส่วนการใช้จ่ายด้านไอทีของบริการธนาคารและการลงทุนทั่วโลก คาดว่าจะสูงถึง 652.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 66 เพิ่มขึ้น 8.1% จากปี 65 โดยในหมวดซอฟต์แวร์จะมีอัตราการเติบโตมากที่สุด เพิ่มขึ้น 13.5% ในปีนี้
“ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันเปลี่ยนบริบทการลงทุนในเทคโนโลยีของภาคการธนาคารและการลงทุนในปีนี้ โดยมีการใช้จ่ายมากขึ้น กับเทคโนโลยีที่สร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น การใช้จ่ายด้านซอฟต์แวร์ ที่กำลังเปลี่ยนจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้เองไปเป็นการซื้อโซลูชันที่สร้างมูลค่าจากการลงทุนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จะใช้เงินก้อนใหม่หรือเพิ่มการลงทุนจำนวนมากที่สุดไปกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ข้อมูลและการวิเคราะห์ เทคโนโลยีที่ใช้ร่วมกันและคลาวด์”
ด้านนายพีท เรดชอว์ รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะความสามารถทั่วโลกส่งผลกระทบต่อองค์กรในกลุ่มบริการธนาคารและการลงทุน ทำให้มูลค่าการใช้จ่ายบริการภายในเพิ่มขึ้น 4.2% ในปี 66 เนื่องจากมีต้นทุนการจ้างงาน และการรักษาทีมงานที่มีทักษะความสามารถเพิ่มขึ้น แม้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีการปลดพนักงาน ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่หลายแห่งแต่บุคลากรที่มีทักษะความสามารถระดับสูงกลับไม่ได้มองว่าธนาคารเป็นจุดหมายปลายทางที่อยากมาทำงานด้วย หรือมอบรายได้ที่คุ้มค่า ดังนั้นองค์กรจำเป็นต้องมีโซลูชันที่เน้นนวัตกรรม เพื่อคัดสรรบุคลากรมากขึ้น