จากกรณีเจ้าหน้าที่พบ “น้องจีน่า” อายุ 1 ขวบ 11 เดือน หายไปจากบ้านพัก พื้นที่บ้านห้วยฝักดาบ หมู่ 16 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ระดมค้นหานานกว่า 60 ชั่วโมงก็ยังไม่เจอตัว กระทั่ง นายเสี่ยว อายุ 44 ปี ชาวเมียนมาผู้ต้องสงสัย ให้การรับสารภาพว่า นำตัวเด็กไปปล่อยหน้าถ้ำในป่าลึกห่างจากหมู่บ้าน 3 กม. จนกระทั่งทุกภาคส่วนระดมกำลังออกค้นหาและพบตัวน้องอยู่ในกระท่อมทางที่จะไปถ้ำ อย่างไรก็ตาม พ่อแม่และญาติของเด็ก ต่างสงสัยในพฤติกรรมของ นายเสี่ยว ว่าอาจจะไม่ได้ทำเพียงคนเดียว น่าจะร่วมกับพวกลักพาตัวเด็กไปขายหรือไม่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.ย. เดลินิวส์ออนไลน์ ได้ย้อนกลับไปสำรวจแฟ้มข่าวเก่า ที่เกี่ยวข้องกับคดีการลักพาตัวเด็กเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการขอทานหรือให้เกิดความน่าสงสาร จนกลายเป็นข่าวครึกโครมเมื่อปี 2559 มาแล้ว โดยวันที่ 18 ม.ค. 2559 ทางตำรวจจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา พร้อมด้วย นางบี (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี ได้เดินทางมารับตัว ด.ช.เอ (นามสมมุติ) อายุ 3 ขวบ ลูกชายซึ่งถูกแก๊งคนร้ายลักพาตัวหายจากบ้านตั้่งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2559

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก นางเก ทวยมู อายุ 33 ปี สัญชาติเมียนมา ได้ก่อเหตุลักขโมยและล้วงกระเป๋าเงินของชาวบ้าน ที่กำลังจ่ายตลาดริมเมย ชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก แต่ปรากฏว่าผู้เสียหายรายหนึ่งเกิดไหวตัวทัน ทำให้ชาวบ้านในตลาดช่วยกันจับตัวส่งตำรวจ ระหว่างการสอบสวนพบว่า นางเก ทวยมู พาบุตรชายมาด้วย ทางตำรวจได้แยกเด็กออกจากแม่เพื่อจะสอบสวนได้สะดวกขึ้น

แต่ปรากฏว่าด้วยความฉลาดของ ด.ช.เอ ได้พยายามบอกตำรวจ สภ.แม่สอด ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกชายของ นางเก ทวยมู และขอให้ตำรวจช่วยเหลือ เพราะตัวเองก็โดนอุ้มออกมาจากบ้าน ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นคดีใหญ่อีกคดี เพราะนอกจากผู้ก่อเหตุจะขโมยทรัพย์สินชาวบ้านนักท่องเที่ยวแล้ว ยังไปร่วมมือกับแก๊งลักพาตัวหนูน้อย เพื่อใช้ประโยชน์หวังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่และผู้เสียหายเกิดความสงสาร เพราะหากแม่โดนจับกุมก็จะไม่มีใครดูแลลูกนั่นเอง

จากการสอบสวน สาวเมียนมารายนี้ยังคงให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าเด็กต่างแดน โดยจะจับเด็กไปกักขังบังคับให้ร่วมมือกับแก๊งก่อเหตุลักขโมยของ หรือไปนั่งขอทาน มิเช่นนั้นก็จะให้อดข้าวอดน้ำ เบื้องต้นแม่เด็กได้มารับตัวลูกชายกลับไปดูแลอย่างปลอดภัย ขณะที่ทางการไทยได้ส่งตัว นาง เก ทวยมู ชาวเมียนมากลับไปดำเนินคดียังประเทศบ้านเกิดแล้ว

อย่างไรก็ตาม น.ส.บี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนมีอาชีพรับจ้างเย็บผ้าในเขต จ.เมียวดี วันเกิดเหตุตนป่วยไม่สบาย แต่ก็ยังไปทำงานเย็บผ้าในตัวตลาด และปล่อยให้ลูกชายวิ่งเล่นอยู่ริมถนน ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย พอรู้ว่าลูกหายก็แจ้งความให้ตำรวจช่วยออกติดตามหาตัวถึง 3 วัน ส่วนตัวเชื่อว่าถูกคนร้ายลักพาตัวไปอย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้ใน จ.เมียวดี มีเหตุคนร้ายออกตระเวนลักพาตัวตัวเด็กเล็กหายไปแล้วหลายคน ตนต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทั้งของไทยและของเมียนมาทุกคน ที่ช่วยติดตามตัวลูกชายกลับคืนมาได้อย่างปลอดภัย.