เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ตามที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามนโยบายการศึกษาในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งพบข้อมูลว่าในจังหวัดท่องเที่ยวมีปัญหาของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้ช่องทางจากการเรียนวิชาชีพในกลุ่มโรงเรียนเอกชนนอกระบบ เพื่อขอต่อวีซ่าในการอยู่ประเทศไทยไปเรื่อยๆ ซึ่งปัญหาดังกล่าว อาจส่งผลต่อภัยความมั่นคงของประเทศได้นั้น ในประเด็นดังกล่าวสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) ได้ตรวจสอบข้อมูลและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) มาตลอด ซึ่งหากมีข้อมูลที่ไม่ชอบมาพากล เราจะแจ้ง ตม. ให้ดำเนินการทันที ทั้งนี้การดำเนินการเรื่องดังกล่าวที่ผ่านมา เมื่อมีชาวต่างชาติเข้ามาสมัครเรียนตามหลักสูตรต่างๆ ของโรงเรียนเอกชนนอกระบบ สช. จะดูข้อมูลจำนวนรับผู้เรียนให้มีความเหมะสมต่อหลักสูตรนั้นๆ พร้อมกับมีการรับรองว่ามีผู้มาสมัครเรียนในหลักสูตรจริงจำนวนกี่คน จากนั้นจะส่งข้อมูลเหล่านี้ให้ ตม. ตรวจสอบต่อไป
เลขาธิการ กช. กล่าวต่อไปว่า ส่วนประเด็นที่ระบุว่า ชาวต่างชาติมักจะใช้ช่องทางการลงเรียนจากโรงเรียนเอกชนนอกระบบเพื่อขอต่อวีซ่านั้น ตนไม่อยากให้คิดเช่นนั้นเพราะคงมีทุกประเภทของวีซ่าที่จะใช้เพื่ออยู่ต่อในประเทศไทย โดยตนอยากให้มองหลากหลายแง่มุม หากมองเรื่องชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยว ก็จะทำให้มีรายได้เข้าประเทศหรือเกิดสนใจหลักสูตรวิชาชีพจริงๆ ก็อยากจะลงเรียนเพิ่มเติม แต่ในส่วนของ สช. เป็นวีซ่าเพื่อการศึกษาต่อ ซึ่งหากพบว่ามีชาวต่างชาติมาใช้ช่องทางของโรงเรียนเอกชนจริง ตม. จะประสานข้อมูลกับ สช. เพื่อนำมาตรวจสอบอยู่แล้ว อีกทั้งที่ผ่านมา สช. ประสานตรวจสอบข้อมูลเรื่องนี้มาโดยตลอด อย่างไรก็ตามในอนาคต สช. จะสร้างระบบฐานข้อมูลด้านเทคโนโลยีใหม่ เพื่อให้มีความทันสมัยสามารถตรวจสอบผู้ที่เข้ามาสมัครเรียนกับโรงเรียนเอกชนว่ามีสิ่งอื่นแอบแฝงในการเข้ามาเรียนหรือไม่ เพราะจะเชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ ตม. ด้วย ซึ่งเชื่อว่าจะมีมาตรฐานแบบเรียลไทม์ ในการคัดกรองผู้เรียนมากขึ้น