การประชุมสโมสรรีโว่ ไทยลีก เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 66 ที่โรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ มีผู้แทน 16 สโมสรมาประชุมพร้อมหน้า อาทิ นายเนวิน ชิดชอบ ประธาน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, นายปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธาน บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานการท่าเรือ เอฟซี ฯลฯ มี นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัดร่วมประชุม หารือเรื่องลิขสิทธิ์ไทยลีก

ธัญญะ วงศ์นาค โฆษก 16 ไทยลีก

นายกรวีร์ กับ “แมน” ธัญญะ วงศ์นาค โฆษกของคณะ ได้แถลงข่าวผลการประชุม สรุปว่า การถ่ายทอดสดศึกฟุตบอลไทยลีก 1 ฤดูกาล 2023-24 จะถ่ายทั้งทางช่องทาง Over-The-Top (OTT) และฟรีทีวี ซึ่งในช่องทาง OTT (ผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น ทรูวิชั่นส์, เอไอเอส) จะไม่ขายแบบเอ็กซ์คลูซีฟให้เจ้าเดียว แต่ให้ทุกเจ้าที่สนใจซื้อไป ดังนั้นจึงอาจมีถ่ายหลายเจ้า แต่ต้องซื้อเหมาทั้ง 240 แมตช์ ตรงนี้ แพลนบี จะเป็นตัวแทนสมาคมฯ นำไปขาย แต่ ไทยลีก จะมาปรับโปรแกรมแข่งขันเสียก่อน ไม่ให้บิ๊กแมตช์เตะชนกัน แบ่ง ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์-จันทร์ แล้วจะนำไปขาย

ส่วนรายได้ก็จะมาจากเงินที่เก็บจากสมาชิกที่มาซื้อแพ็กเกจ ยังไม่ได้กำหนดราคาแพ็กเกจ น่าจะใกล้เคียงกับที่ เอไอเอส ตั้งไว้ฤดูกาลที่แล้วคือเดือนละ 49 บาท จากนั้นได้รายได้เท่าไหร่ จึงนำมาจัดสรรกัน สโมสรไทยลีก แบ่งกับทางสถานี (ยกตัวอย่างสัดส่วนเช่นอาจจะแบ่ง 16 สโมสร 80%-สถานี 20% ซึ่งยังไม่เคาะชัดเจน) ส่วนฟรีทีวีนั้น เมื่อปรับโปรแกรมเสร็จแล้ว ก็จะนำไปเสนอขายเช่นกัน แต่เป็นนัดๆ

อ่านข่าว : เคาะแล้วราคาดูไทยลีก 59บาท/เดือน – 500บาท/ปี เวลาเตะดึกสุดคู่2ทุ่

ขณะเดียวกัน 16 สโมสร ยังเดินหน้า แคมเปญ #SAVETHAILEAGE ให้สโมสรเชิญชวนแฟนบอล มาซื้อแพ็กเกจชมฟุตบอลไทยอย่างถูกลิขสิทธิ์ ไม่ใช้ลิงก์เถื่อน เพื่อนำเงินมาสนับสนุน ทั้งนี้จะทดลองครึ่งฤดูกาลแรกก่อน แล้วมาประเมินรายได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ จากกระแสข่าวที่ว่า ก่อนหน้านี้ มีบริษัทมายื่นซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดในราคา 800-900 ล้านบาทนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จึงนำมาสู่แผนการในการประชุมครั้งนี้ ที่จะนำลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไปขายให้กับทุกเจ้าในแบบ OTT ที่จะยิงสดทุกนัด ก่อนนำรายได้จากการซื้อแพ็กเกจมาจัดสรรค์ รวมทั้งการขายเป็นนัดๆ ให้กับฟรีทีวี

ส่วนไทยลีก 2-3 นั้น ยืนยันว่าจะมีเงินสนับสนุน ซึ่งในเรื่องการถ่ายทอดสดนั้น จะเชิญมาคุยในสัปดาห์หน้า.