สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากนครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่กำกับโดยนางเกรตา เกอร์วิก เข้าถึงจิตวิญญาณแห่งยุคสมัยทางวัฒนธรรม ซึ่งนอกจากสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บาร์บี้ยังทำเงินเร็วกว่าภาพยนตร์เรื่องอื่นของ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ในรอบ 100 ปี รวมถึงภาพยนตร์ที่กำกับโดยผู้ชายอีกด้วย

นายพอล เดอร์การาเบเดียน นักวิเคราะห์จาก “คอมสกอร์” บริษัทด้านการวัดและวิเคราะห์สื่อระดับโลก กล่าวว่า ภาพยนตร์บาร์บี้ ซึ่งทำรายได้เปิดตัวช่วงสุดสัปดาห์สูงสุดในสหรัฐ ประจำปี 2566 เข้าถึงจินตนาการของผู้ชมภาพยนตร์ทั่วโลก และผลลัพธ์ที่ออกมาก็น่าประทับใจอย่างเหลือเชื่อ

ทั้งนี้ บาร์บี้ ซึ่งนำแสดงโดย มาร์โก ร็อบบี และไรอัน กอสลิง ทำเงินประมาณ 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1,842 ล้านบาท) ในช่วงวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ และกวาดรายได้ภายในสหรัฐไปแล้ว 459 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16,000 ล้านบาท) ซึ่งเมื่อรวมกับรายได้จากประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำเงินมหาศาลมากถึง 1,030 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 36,000 ล้านบาท)

ด้านนิตยสาร “วาไรตี” ระบุว่า บาร์บี้เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 6 ซึ่งทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่การระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 

ขณะที่บาร์บี้ยังครองอันดับหนึ่งอย่างเหนียวแน่นตลอดช่วง 3 สัปดาห์ ภาพยนตร์ในอันดับถัดมาอย่าง “Meg 2: The Trench” “Oppenheimer” และ “Teenage Mutant Ninja Turtles: Mutant Mayhem” ล้วนทำรายได้ช่วงสุดสัปดาห์เกิน 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 973 ล้านบาท) ซึ่งเป็นภาพรวมที่ยอดเยี่ยมสำหรับฮอลลีวูด

อย่างไรก็ตาม มันยังต้องตามดูกันต่อไปว่า อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของสหรัฐ จะสามารถรักษาแนวโน้มดังกล่าว ท่ามกลางการสไตรก์ครั้งประวัติศาสตร์ของกลุ่มนักแสดงและคนเขียนบทได้หรือไม่.

เครดิตภาพ : AFP