เมื่อวันที่ 13 ส.ค. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. สนธิกำลัง พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 นำกำลังเข้าช่วยเหลือนักศึกษาสาวชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านบางเขน หลังผู้ปกครองแจ้งว่าลูกสาวถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่แลกกับการโอนเงิน 2 ล้านบาท

ทันทีที่ไปถึงพบน.ส.เอ (นามสมมุติ) อยู่ในห้องพักรายวันย่านรังสิต ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงได้เร่งช่วยเหลือ ก่อนสอบถามทราบว่า ถูกขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลอกเป็นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทย สาขาสงขลา แจ้งว่า พบสมุดบัญชีของผู้เสียหายในกล่องพัสดุที่ถูกอายัด เนื่องจากพัสดุดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกับขบวนการฟอกเงิน โดยแจ้งว่าภายในกล่องพัสดุมีพาสปอร์ตของชาวเมียนมาร์ 12 เล่ม ,บัตร ATM 9 ใบ ,สมุดบัญชี 8 เล่ม และมีสมุดบัญชี 1 เล่มปรากฏชื่อของตนเอง เกี่ยวโยงกับขบวนการฟอกเงินและได้แนะนำให้ผู้เสียหายแจ้งตำรวจ สภ.เมืองสงขลา โดยทางคนร้ายที่อ้างตัวเป็นไปรษณีย์ไทย จึงอาสาประสานติดต่อตำรวจให้เพื่อแจ้งความ

ต่อมาคนร้ายได้โอนสายไปยังคนร้ายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสงขลา และได้สอบถามกับผู้เสียหายว่าช่วงนี้มียอดเงินแปลกๆเข้ามายังบัญชีของผู้เสียหายไหม ผู้เสียหายจึงตรวจสอบบัญชีดูพบว่า มียอดการโอนเงินเข้ามาในบัญชีของตนเองจริง คนร้ายจึงขอให้ผู้เสียหายไปเก็บตัวอยู่คนเดียวและให้ปิดการแจ้งเตือนภายในโทรศัพท์ทั้งหมด และให้ย้ายสถานที่ไปโรงแรมใกล้มหาลัย แต่เนื่องจากบริเวณมหาลัยไม่มีโรงแรม ทางคนร้ายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงให้ผู้เสียหายไปยังฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และให้ไปเปิดซิมโทรศัพท์ใหม่ และขอไม่ให้ติดต่อกับใคร พร้อมให้บอกข้อมูลการเงินของผู้ปกครอง และให้ซื้อเทปกาวและกรรไกร เพื่อนำมาถ่ายคลิปโดยมัดมือมัดเท้าตนเองส่งให้กับคนร้าย โดยแจ้งว่าคลิปดังกล่าวจะเป็นความลับ ไม่มีการเผยแพร่อย่างแน่นอน เนื่องด้วยความกลัวที่คนร้ายข่มขู่ว่าถ้าไม่ทำตามจะถูกดำเนินคดี และความอยากกลับบ้าน จึงยอมทำตาม

ภายหลังคนร้าย ได้ติดต่อและส่งคลิปดังกล่าวให้กับมารดาของผู้เสียหาย ด้วยไลน์อันเก่าของผู้เสียหายที่คนร้ายหลอกให้ SCAN QR CODE และได้โทรผ่านไลน์ติดต่อแม่ของผู้เสียหาย ซึ่งคนร้ายได้ส่งบทให้ผู้เสียหายพูดตามว่า “หนูไม่สำคัญกับแม่เลยใช่ไหมค่ะ หนูไม่มีค่าสำหรับแม่เลยใช่ไหม ถ้าแม่ไม่ช่วยหนู หนูคงไม่มีโอกาสได้กลับบ้านอีกแล้วนะ” จึงทำให้แม่เชื่อว่าผู้เสียหายอยู่กับคนร้ายและตกอยู่ในอันตราย โดยคนร้ายขู่ว่าผู้เสียหายจะเป็นอันตราย ถ้าแม่ของผู้เสียหายไม่โอนเงินจำนวน 2 ล้านบาท

จากเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นนำมาสู่การที่ผู้ปกครองของเข้าร้องเรียนกับชุดทำงาน และสืบสวนทราบว่าผู้เสียหายเข้าพักอยู่รีสอร์ท แห่งหนึ่ง ใน ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ. ปทุมธานี จึงได้ทำการช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามจากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายอยู่ในท่าขี้เหล็กประเทศเมียนมา โดยใช้การโทรศัพท์และควบคุมเหยื่อด้วยการวีดีโอคอล

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า รูปแบบการกระทำผิดข้างต้นเป็นแผนประทุษกรรมรูปแบบใหม่ของแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยใช้วิธีการแยกหลอกเหยื่อและผู้ปกครองของเหยื่อ โดยอ้างใช้การเรียกค่าไถ่ และข่มขู่จะทำอันตรายเหยื่อ เพื่อให้ผู้ปกครองยอมโอนเงินทั้งหมดให้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระดมกำลังเพื่อออกปฏิบัติการเนื่องจากผู้ปกครองเป็นห่วงความปลอดภัย เข้าใจว่าเป็นเรื่องเรียกค่าไถ่จริง สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมเป็นอย่างมาก อยากประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนมีภูมิคุ้มกันในแผนประทุษกรรมรูปแบบใหม่ของแก๊งคอลเซนเตอร์

อย่างไรก็ตามพบว่าเมื่อวานนี้เกิดเหตุการณ์คล้ายคลึงกัน กรณี “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ได้บุกช่วยนักศึกษาสาว ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้วิธีหลอกแบบใหม่ อ้างตัวเองเป็นตำรวจ ปปง. แล้วแจ้งผู้เสียหายซึ่งเป็นนักศึกษาว่าพัวพันกับยาเสพติด ให้ไปเช่าอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย เมื่อเหยื่อเปิดห้องที่พักแล้ว จะสั่งการควบคุมโดยวีดีโอคอลคุยกับเหยื่อให้ทำตามคำสั่งไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดี โดยคนร้ายอีกทีมติดต่อกับแม่หลอกว่าเหยื่อถูกจับเรียกค่าไถ่ โดยให้แม่โอนเงินมาเพื่อให้เหยื่อปลอดภัย 3 ล้านบาท โดยพบว่าคนร้ายทั้งหมดสั่งการอยู่ประเทศกัมพูชา.