เรียกว่าเป็นการก้าวข้ามความสูญเสียของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือ“คนเสื้อแดง” ที่เคยต่อสู้ร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากไปด้วยหรือไม่ เวลานี้จึงได้เห็นปรากฏการณ์ที่คนเสื้อแดงขนเอาสัญลักษณ์ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและต่อต้านการรัฐประหารออกมาเผาทิ้งจำนวนมาก เพราะพรรคที่เคยเป็นแนวหน้าในการต่อสู้กับความไม่เป็นประชาธิปไตยในประเทศไทยทำท่าจะแปรสภาพไปเป็นนั่งร้านให้กับคณะรัฐประหารเสียเอง
การที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เคยหาเสียงว่าจะไม่จับมือกับพรรค 2 ลุงเด็ดขาด จึงถูกมองว่าใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น เช่นเดียวกับนโยบายไล่หนูตีงูเห่าที่เคยใช้สู้กับพรรคภูมิใจไทย จังหวะเดียวกันนี้ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ออกมายืนยันว่า “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่ได้วางมือทางการเมืองและไม่เคยพูดว่าจะไม่รับตำแหน่งในรัฐบาลใหม่ เพียงแต่ตอนนี้อาจจะยังไม่ได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
ล่าสุด “ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์” อดีตนักการเมืองจอมแฉ ออกมาเปรียบสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเวลานี้ว่าพรรคเพื่อไทยกำลังดันทุรัง “รัฐบาลสุดซอย” ทางกว้างๆ ไม่เดิน ชอบเดินเข้าซอยตัน ขาย “อุดมการณ์” ทิ้ง แลกการเป็นรัฐบาล ไม่แตกต่างจากที่เคยลักหลับ “พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย” จนเป็นชนวนเหตุของการรัฐประหาร 2557 อย่างไรก็ตามให้คอยจับตาการแฉครั้งสุดท้าย เพราะเตรียมถลกหนัง “นายกฯตัวสูง” ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “เศรษฐา” จึงยังต้องลุ้นกันว่าเส้นทางกว่าจะไปถึงเก้านายกฯ ยังต้องผ่านด่านหินอะไรอีกบ้าง
เกมการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แม้ดูเหมือนว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เปรียบโดยมีเก้าอี้นายกฯ เป็นตัวล่อ แต่กลไกอำนาจต่างๆ จะปล่อยให้ “เศรษฐา” ขึ้นมาเป็นนายกฯ คนที่ 30 จริงหรือไม่ ซึ่งมีหลายฝ่ายวิเคราะห์กันว่าสุดท้ายแล้วแรงบีบอัดจะมาจากทุกทิศทางบังคับให้เพื่อไทยต้องเสนอ “อุ๊งอิ๊ง” กล่องดวงใจของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นเป็นนายกฯ เพราะสิ่งที่ฝ่ายอำนาจเก่าต้องการคือตัวประกันทางการเมือง เพื่อกลืนพรรคเพื่อไทยที่เคยเป็นหัวหอกฝ่ายประชาธิปไตยมาเป็นพวกในการต่อสู้กับขั้วตรงข้าม
ทั้งนี้คาดว่าการโหวตนายกฯ รอบ 3 จะมีขึ้นในวันที่ 18 หรือ 22 ส.ค.นี้ โดย “โหรวันชัย” วันชัย สอนศิริสว.ฟันธงว่าฤกษ์ดีคือวันที่ 18 ส.ค. เพราะเป็นวันพลังแห่งอำนาจที่สยบราหูและขจัดความชั่วร้ายต่างๆ ให้หายสิ้นไปได้ ถือเป็นวันที่ก้าวข้ามความขัดแย้งไปสู่การแก้ปัญหาให้ประเทศ
จากนี้คงต้องจับตากันว่านายกฯ คนที่ 30 จะพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งได้จริง หรือเป็นการเปิดฉากความขัดแย้งใหม่ในสังคมไทย.