เมื่อเวลา 11.05 น. วันที่ 23 ส.ค. ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่สส.ประชาธิปัตย์ 16 คน โหวตสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า เราโหวตเห็นชอบ เพราะไม่ใช่กลัวตกขบวนหรือร่วมขบวน แต่การประชุมพรรค เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา จากการหารือมี 3 ความเห็น คือ เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย และงดออกเสียง สรุปว่าให้งดออกเสียง หลังจากนั้นในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ตนกับเพื่อน สส. ได้นั่งฟังการอภิปราย รับฟังข้อมูลจากสมาชิกรัฐสภา เรื่องข้อสงสัยในตัวนายเศรษฐา คิดว่าไม่มีน้ำหนักในการเข้าสู่การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และจากการลงพื้นที่พบปะประชาชนมีการสอบถามความเห็น เขาอยากหาทางออกให้ประเทศ โดยบอกว่าถ้าเป็นนายเศรษฐา ซึ่งไม่มีแนวคิดล้มล้างหรือแก้ไข มาตรา 112 ก็ต้องยกให้เขา ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีจุดยืนชัดเจนที่จะไม่แก้ไข ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะแก้ไขเพื่อประโยชน์ประชาชน และเพื่อประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งการเลือกตั้งล่วงเลยมาถึง 90 วันแล้ว แต่เรายังไม่มีนายกรัฐมนตรี ประเทศจึงต้องหาทางออกให้ได้ วันนี้งบประมาณปี 67 ยังไม่มีการประชุมเพื่อพิจารณา ขณะที่งบประมาณปี 68 กำลังจะมาถึง รัฐบาลรักษาการก็มีกรอบอำนาจหน้าที่ที่กำหนด ทำให้ สส.พรรค 16 คน ที่โหวตก็หารือกัน หลายคนมีแนวคิดแบบนี้ จึงตัดสินใจชั่วโมงสุดท้ายว่าจะโหวตให้นายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี

“การโหวตครั้งนี้ ไม่ได้ยืนยันว่าเราจะขอร่วมรัฐบาล เราพร้อมทำงานทั้งสองหน้าที่ ทั้งการเป็นรัฐบาล และฝ่ายค้าน ไม่ใช่โหวตแล้วจะได้ขึ้นรถไฟขบวนสุดท้าย ผมต้องขอกราบขออภัยแฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์ ที่คาดหวังว่าเราจะไม่โหวตให้หรืองดออกเสียง” นายชัยชนะ กล่าว

เมื่อถามว่า มีการดีลกับพรรคเพื่อไทยก่อนโหวตหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีการโทรฯ คุยกับใคร เช็กมือถือตนได้เลย

เมื่อถามว่า พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุเองว่า มติพรรคประชาธิปัตย์โหวตได้เพียงไม่เห็นชอบ และงดออกเสียง นายชัยชนะ กล่าวย้อนถามว่า พล.ต.ต.สุรินทร์ ได้อยู่ในที่ประชุมหรือไม่ เพราะมีความเห็นหลายคน

เมื่อถามย้ำว่า สามารถเปิดบันทึกการประชุมได้หรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ก็ไปหาเปิดบันทึกการประชุมดูก่อน ตนก็ไม่ทราบ แต่ขอเรียนว่า มติพรรคออกวันนั้นจริงๆ แต่วันนั้นในกลุ่ม สส. ส่วนใหญ่เรามีความคิดเห็นแบบนี้ หากจะต้องเรียกประชุมใหม่ก็คงไม่ทัน เราจึงประชุมในกลุ่มเพื่อน ตนทราบดี การที่เราทำผิดมติพรรค อะไรจะเกิดขึ้น เราก็น้อมรับในการตรวจสอบ หรือคำตัดสิน ถ้ามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมา เพราะเราถือว่าสิ่งที่เราทำ มี 2 ทางให้เลือก

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากโทษแรงถึงขั้นขับออกจากพรรค นายชัยชนะ กล่าวว่า ยินดีแสดงความบริสุทธิ์ในการชี้แจงเหตุผล ว่ามีเหตุผลอย่างไรที่ทำแบบนี้ ท้ายที่สุดผลจะเป็นอย่างไร เราต้องยอมรับให้ได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการโหวตสวนมติพรรค ในอดีตก็เคยมี และมีการสอบสวน แต่ในสิ่งที่ตนกับเพื่อนได้กระทำ เราน้อมรับในการตัดสินที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่แล้ว

“ผมคิดว่าสิ่งที่เราทำมันคือการหาทางออกให้กับประเทศ เมื่อวานก็เห็นว่าทั้ง สว. และ สส. โหวตเห็นชอบเป็นส่วนใหญ่ ฉะนั้นประเทศมันต้องหาทางออกให้ได้” นายชัยชนะ กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนจะโหวตเห็นชอบได้มีการแจ้งต่อ นายชวน หลีกภัย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ของพรรคหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า “ไม่ได้การมีคุยกัน เพราะเวลากระชั้นชิด”

เมื่อถามย้ำอีกว่ามีความคิดเห็นอย่างไรที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกมองว่าเป็นพรรคอะไหล่ให้กับพรรคเพื่อไทย นายชัยชนะ กล่าวว่า ไม่ใช่ เราไม่ได้เป็นพรรคอะไหล่ของใคร ตนย้ำจุดยืนเสมอ เราไม่ได้บอกว่าการที่โหวตวานนี้ (22 ส.ค.) จะได้เข้าร่วมรัฐบาล เราพร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน แต่เรามองว่าต้องถึงทางออกประเทศแล้วจริงๆ ขอความร่วมมือกับสื่อด้วย ที่ไปเขียนข่าวว่าตนเป็นงูเห่า ตนไม่ใช่งูเห่า เพราะการที่จะเป็นงูเห่าต้องเป็นจำนวนน้อยหรือส่วนน้อยของพรรค แต่ตนไปเพราะเสียงข้างมาก เราคุยกันในพรรค สส. ในพรรคส่วนใหญ่ มีความเห็นแบบนี้ ฉะนั้นเรียก “งูเห่า” ไม่ได้

“ผมไม่เคยให้ร้ายกับพรรคนี้ ไม่เคยทำให้พรรคเสียหาย ยึดมั่นกับพรรคมาตลอด แต่การตัดสินใจร่วมรัฐบาลหรือไม่ร่วม ต้องกลับไปถามรักษาการกรรมการบริหารพรรคที่ยังมีอำนาจเต็ม และ สส.พรรค ถ้ามติอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แต่วันนี้จะไปร่วมได้อย่างไร เพราะไม่มีการเทียบเชิญ ถ้าเขาไม่เทียบเชิญ เราก็ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และขณะนี้ยังไม่มีใครโทรฯ มาเทียบเชิญ มีแต่ผู้สื่อข่าวโทรฯ มา” นายชัยชนะ กล่าว

เมื่อถามว่า การตีเช็คเปล่าแบบนี้ ถือว่าพร้อมที่จะเป็นรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ไม่ใช่การตีเช็คเปล่า เป็นแนวความคิดในเวลานั้น ที่มองเห็นว่าประเทศต้องหาทางออก จะมองว่าตีเช็คเปล่าไม่ได้ เมื่อถามต่อว่า แต่ถ้ามีการมาชวนไปร่วมรัฐบาล พร้อมจะไปหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น ยังตอบไม่ได้ มันต้องกลับมาถามมติพรรคอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ทางออกของประเทศแบบไหนที่ทำให้โหวตเห็นชอบ นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนถามว่าวันนี้ถ้าประเทศไม่มีรัฐบาล เราไปดูกัมพูชา เลือกตั้งทีหลัง แต่จัดตั้งรัฐบาลได้ก่อนเรา ประเทศเรายังไม่มีรัฐบาลเลย สมมุติว่าประเทศเกิดวิกฤติวันนี้ จะนำเงินที่ไหนมาใช้ เพราะยังไม่มีการพิจารณางบประมาณ วันนี้ต้องยอมรับว่าการที่ยังไม่มีนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ทำงานได้อย่างจริงจัง การขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ทำไม่ได้ นโยบายพรรคประชาธิปัตย์ที่เรานำเสนอก่อนการเลือกตั้ง ก็อยากฝากให้กับรัฐบาลใหม่นำไปใช้แก้ปัญหาให้เกิดขึ้นจริง

เมื่อถามด้วยว่า การที่มาโหวตเห็นชอบในการลงคะแนนช่วงท้าย ทั้งที่เสียง สว. เทมาให้จนพออยู่แล้ว นายชัยชนะ กล่าวว่า เราก็เห็นว่าเสียงพออยู่แล้ว เราก็เลยโหวตให้ด้วย ส่วนในอนาคตการโหวตของประชาธิปัตย์จะมีการปล่อยฟรีโหวตหรือไม่นั้น ตนคิดว่าในที่ประชุมพรรคก็ต้องมีการพูดคุยกันในอนาคต อะไรที่ผิดพลาดไปแล้ว นำมาถกเถียงแก้ไขในวันข้างหน้า

เมื่อถามว่าหากโดนขับออกจากพรรค จะยินดีหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ก็ให้ถึงเวลานั้นก่อน อะไรที่ยังมาไม่ถึง ก็ยังตอบไม่ได้ ขอย้ำว่าเราน้อมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต.