เมื่อวันที่ 13 ก.ย. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามข้อมูลของกองทุนเพื่อการศึกษา (กสศ.) ที่พบว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ส่งผลให้เด็กนักเรียนหลุดออกนอกระบบการศึกษาหลายพันคน รวมถึงมีนักเรียนยากจนพุ่งนิวไฮ 1.3 ล้านคนนั้น เรื่องดังกล่าวกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) รับทราบข้อมูลเหล่านี้เช่นกัน และไม่ได้นิ่งนอนใจ ซึ่งได้เน้นย้ำเป็นนโยบายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รับทราบและวางแนวทางป้องกันไม่ให้เด็กหลุดนอกระบบการศึกษาเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิด เนื่องจากโรงเรียนและครูผู้สอนจะทราบข้อมูลตัวเลขได้ดีว่ามีนักเรียนคนไหนที่หลุดออกนอกระบบการศึกษาไปบ้าง ดังนั้นจึงฝากให้ สพฐ.ให้ความสำคัญและติดตามช่วยเหลือเด็กที่มีโอกาสจะหลุดออกนอกระบบการศึกษาให้กลับเข้ามาเรียน ซึ่งเรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญที่จะต้องสร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็กอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ด้าน นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้ สพฐ.สำรวจข้อมูลจำนวนเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษาแบบเรียลไทม์ตลอดเวลา เพราะเรื่องเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษานั้นไม่ได้เกิดเฉพาะจากสถานการณ์โควิด-19 เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนมีสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งที่ผ่านมาเรื่องเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษาจะมาจากปัจจัยจากหลายสาเหตุ เช่น ครอบครัวย้ายถิ่นฐาน หรือบิดามารดาต้องไปประกอบอาชีพต่างถิ่น และต้องช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ เป็นต้น โดยในปีการศึกษาที่ผ่านมาสพฐ.มีข้อมูลเด็กหลุดออกนอกระบบการศึกษาประมาณ 3,000 คน ซึ่งในจำนวนนี้เรามีระบบติดตามช่วยเหลือนักเรียน เพื่อให้เด็กได้กลับเข้าไปเรียนในโรงเรียนตามปกติ รวมถึงเปิดช่องให้ไปฝากเรียนหรือเข้าเรียนระหว่างช่วงชั้นกับโรงเรียนอื่นที่ครอบครัวเด็กบ้านถิ่นฐานได้ด้วย ซึ่งจะทำให้นักเรียนไม่เสียสิทธิ อย่างไรก็ตาม สพฐ.ได้กำชับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศให้ติดตามดูแลปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิด