ชั่วโมงนี้ต้องยอมรับเลยว่า ชื่อของ “พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร” อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด เจ้าของฉายามือปราบขุนดง กำลังเป็นชื่อที่ใครๆ หลายคนก็อยากทำความรู้จัก หรืออยากฟังเรื่องเล่าขานตำนานของเขา ที่พักหลังนี้กลับกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน จากวลีเด็ด “ไอ้พวกนี้มันขี้ตีนเรา จะเป็นเจ้าพ่อได้ไง” ที่ได้ไปลั่นว่าจาในรายการโหนกระแส จากกรณีคดีกำนันนก

โดยเป็นบุคลิกที่พูดตรงไปตรงมา ไม่เกรงใจใคร จนทำเอาถูกอกถูกใจชาวเน็ต พร้อมพากันต่อคิวรออยากสมัครเป็น FC จนตอนนี้มีประชาชนจำนวนมาก รวมตัวก่อตั้งกลุ่มแฟนคลับชื่อว่า ด้อมลูกโม่ ซึ่งมาจากฉายาที่เขาชอบใช้ปืนลูกโม่ในการปฏิบัติหน้าที่

ล่าสุดก็เรียกได้เป็นที่ฮือฮาอีกแล้ว กระแสไม่ยอมตกเลย เพราะ พล.ต.ท.เรวัช ได้เปิดบัญชี TikTok ไว้เป็นช่องทางในการไลฟ์สดพูดคุยกับแฟนคลับ และวิเคราะห์คดีต่างๆ ที่กำลังเป็นประเด็นดังบนสังคมไทย แต่ดูเหมือนว่างานนี้ด้อมลูกโม่ถูกใจสุดๆ พากันแห่ส่งของขวัญเพื่อส่งเป็นกำลังใจกันล้นหลาม

ภายหลังกระแส “ด้อมลูกโม่” มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ “เดลินิวส์ออนไลน์” ขอพาไปรู้จักประวัติของ พล.ต.ท.เรวัช เจ้าของฉายา “มือปราบขุนดง” กันให้รู้จักแบบถึงพริกถึงขิงกันเลย

พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร เป็นอดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เป็นชาวอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ เป็นทายาทเจ้าของโรงสี แต่ระหว่างที่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ผู้เป็นตาถูกกลุ่มโจรบุกปล้นและฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ทำให้ พล.ต.ท.เรวัช ในตอนนั้นต้องกลายเป็นพยานปากเอก ติดตามตำรวจไปชี้ตัวทุกครั้งที่มีการล่าคนร้าย สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มคนร้ายเป็นอย่างมาก ทำให้ พล.ต.ท.เรวัชโดนดักฆ่า จึงต้องพกปืน .38 ติดตัวและอยู่ในความดูแลของตำรวจ

ชีวิตช่วงวัยรุ่นของ พล.ต.ท.เรวัช ก่อคดีมากมาย ทั้งแทงคนตาย โดนไล่ยิง แต่ก็สามารถสอบเป็นเสมียนที่จังหวัดชัยนาท ก่อนจะขยับเป็นปลัด ทำหน้าที่ติดตามดูแลนายอำเภอ ช่วงผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อาละวาดหนัก ชีวิตพลิกผันกลายเป็น “มือปืนในเครื่องแบบฝ่ายปกครอง” ก่อนจะตัดสินใจสมัครเป็นตำรวจเพราะชอบเป็นการส่วนตัว

ด้านการศึกษา พล.ต.ท.เรวัช เรียนปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และจบปริญญาโทอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล ติดยศ ร.ต.อ. และขอย้ายไปประจำที่โรงพักชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ซึ่งในขณะนั้นถือเป็น “ดงโจร” มีทั้งโจรเรียกค่าไถ่ และปล้น

พล.ต.ท.เรวัชถูกตั้งเป็นหัวหน้าชุดขุนดง ซึ่งเป็นชื่อเรียกของหน่วยที่ดังในเวลาต่อมา หลังจากที่เขาไปยิงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รายหนึ่ง จนทำให้ตัวเองถูกสั่งย้าย และถูกสั่งห้ามเข้าพื้นที่จังหวัดลพบุรีกับสระบุรี พอเกิดเหตุสะเทือนขวัญฆาตกรรม “ศยามล” พล.ต.ท.เรวัช คือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปตรวจที่เกิดเหตุ เก็บพยานหลักฐาน เก็บดีเอ็นเอจากน้ำอสุจิ ซึ่งสมัยนั้นไม่มีใครทำ ซึ่งผลการตรวจเปรียบเทียบลายนิ้วมือตรงกับ ส.ต.อ.แผ่ว ภูเต็ง ถึง 13 จุด ตำรวจจึงใช้เป็นหลักฐานจับกุมผู้ต้องหา และต่อมา พล.ต.ท.เรวัชก็สามารถสืบสวนจนแกะรอยจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด รวมถึงหมอบัณฑิต ผู้จ้างวาน

พล.ต.ท.เรวัชยังมีผลงานและวีรกรรมมากมาย ปะทะกับเจ้าพ่อ มือปืน และผู้มีอิทธิพลมานับไม่ถ้วน ก่อนจะได้ติดยศ “นายพล” ขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี แล้วย้ายไปเป็นผู้บังคับการ ประจำสำนักงานจเรตำรวจ และเกษียณอายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ในปี พ.ศ. 2559

นอกจากนี้ พล.ต.ท.เรวัชยังเชื่อในเรื่องของคาถาอาคม พระเครื่อง และเครื่องรางต่างๆ เช่นกัน โดยเคยให้สัมภาษณ์ในรายการ “คุยกับตำนาน” รายการในช่องยูทูบ “สุดเกล้า” เปิดเผยเรื่องราวของไสยเวทส่วนตัว ระบุมีคาถาประจำตัวที่ใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งเป็นคาถาที่บิดาได้สอนเอาไว้ สวดว่า

“นะอุด โมอัด พุทยัติ ธายัน ยะกันเข้าไว้ แคล้วคลาดปลอดภัย นะโมพุทธายะ พระสยามปกเกล้า”

พล.ต.ท.เรวัชยังพกรูปของพ่อแม่ และเหรียญในหลวง “เหรียญนั่งบัลลังก์ปี 39” ที่กระทรวงมหาดไทยจัดสร้างขึ้น เพื่อฉลองครองราชย์ 50 ปี นอกจากนี้ ยังพกพาเครื่องราง “มีดหมอ” ในการปฏิบัติหน้าที่โดยตลอด ซึ่งจะใช้มีดหมอของ 2 เกจิอาจารย์ คือ มีดหมอหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และมีดหมอหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว

นอกจากนี้ในวันเกษียณราชการ เมื่อเดือน ก.ย. 59 ได้มีบุตรชายทั้ง 5 คน แต่งนายตำรวจเต็มยศมาร่วมพิธีของ พล.ต.ท.เรวัช ที่สโมสรตำรวจ ซึ่งได้สร้างความฮือฮาแก่สื่อมวลชน เมื่อทราบว่านายตำรวจหนุ่มทั้ง 5 คนเป็นบุตรชายของ พล.ต.ท.เรวัช ต่างถ่ายภาพบันทึกกันยกใหญ่ พร้อมกับชื่นชมยินดีที่บุตรชายทั้ง 5 คนได้สืบสายเลือดจากผู้เป็นพ่อเข้ารับราชการตำรวจทุกคน

โดยปัจจุบัน 1 ใน 5 สอบได้เนติบัณฑิต จึงโยกสายงานไปรับราชการเป็นอัยการจังหวัด.