สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองรามัลเลาะห์ เขตเวสต์แบงก์ เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ว่า ประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ รับมอบพระราชสาส์นตราตั้ง จากนายนาเยฟ อัล-ซูไดรี เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำจอร์แดน ซึ่งดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำปาเลสไตน์อีกตำแหน่งหนึ่ง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ซูไดรีจะดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ซาอุดีอาระเบียประจำเมืองเยรูซาเลมด้วย ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ที่รัฐบาลริยาดแต่งตั้งเอกอัครราชทูตระจำปาเลสไตน์ แม้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่มีถิ่นพำนักอยู่ในปาเลสไตน์ก็ตาม โดยการดำเนินงานการทูตของซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับปาเลสไตน์ จะขึ้นอยู่กับสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำจอร์แดน
ทั้งนี้ ซูไดรีพบหารือกับนายมัจดี อัล-คาลิดี ที่ปรึกษาของประธานาบดีมาห์มูด อับบาส ผู้นำปาเลสไตน์ ที่กรุงอัมมาน เมืองหลวงของจอร์แดน เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ด้านกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ ว่าการแต่งตั้งซูไดรี “คือก้าวย่างสำคัญ” ว่ารัฐบาลริยาดมีความมุ่งมั่นยกระดับความสัมพันธ์กับปาเลสไตน์ “ให้อยู่ในระดับปกติทุกด้าน”
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า เป็นการส่งสัญญาณทางการทูต ว่าซาอุดีอาระเบียสนับสนุนการสถาปนาปาเลสไตน์ ในฐานะรัฐที่มีอธิปไตยอย่างสมบูรณ์แบบ
อีกด้านหนึ่ง นายฮาอิม คัตซ์ รมว.การท่องเที่ยวอิสราเอล เยือนกรุงริยาด นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอิสราเอลคนแรก ซึ่งเดินทางมายังซาอุดีอาระเบีย แม้ทั้งสองประเทศไม่มีความสัมพันธ์การทูตอย่างเป็นทางการ แต่อยู่ระหว่างการเจรจา เพื่อการสถาปนาความร่วมมือดังกล่าว
รัฐบาลริยาดไม่ยอมรับสถานะของอิสราเอล และปฏิเสธเข้าร่วมข้อตกลงอับราฮัม ที่รัฐบาลวอชิงตันใช้ผลักดันให้เป็นการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างอิสราเอล กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) บาห์เรน ซูดาน และโมร็อกโก เมื่อปี 2563.
เครดิตภาพ : AFP