เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่มหาวิทยาลัยสวนดุสิต นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ร่วมเสวนาวิชาการในหัวข้อ “บทเรียน 6 ตุลา: การเมือง อำนาจ และความเปลี่ยนแปลง” จัดโดยโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต โดยนายธนาธร เริ่มต้นด้วยการตอบคำถามผู้ร่วมเสวนา ที่เปรียบเทียบว่าพรรคก้าวไกลเป็นสายล่อฟ้า เป็นปิศาจตัวใหม่ ที่อาจทำให้ผู้มีอำนาจหวาดกลัวและทำให้การเมืองไทยวนกลับไปยุค 6 ตุลาอีกครั้ง ว่า หากว่าการเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง ทำให้เรากลายเป็นปิศาจ กลายเป็นสายล่อฟ้า ตนก็ยอมเป็นปิศาจ แต่ขอตั้งคำถามสาเหตุใดการยืนยันในสิ่งที่ถูกต้อง การเรียกร้องประเทศที่ดีกว่านี้ สังคมที่ดีกว่านี้ สำหรับคนรุ่นต่อไป จึงทำให้ผู้เรียกร้องความเปลี่ยนแปลงต้องถูกผลักเป็นปิศาจ

นายธนาธร ยังกล่าวเทียบเหตุการณ์ 6 ตุลา กับเหตุสังหารคนเสื้อแดงในปี 2553 ในด้านการโหมกระพือความเกลียดชังในสังคมจนกระทั่งการเข่นฆ่าผู้เห็นต่างเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม เป็นการปกป้องชาติบ้านเมือง ในเหตุการณ์ 6 ตุลา มีกลุ่มนวพล กระทิงแดง ชมรมแม่บ้าน มีบุคคลมีชื่อเสียงอย่างทมยันตี มีวิทยุยานเกราะ หนังสือพิมพ์ โหมกระพือความเกลียดชังต่อนักศึกษา จนการสังหารหมู่กลางเมืองกลายเป็นสิ่งที่ได้รับการยกย่องเชิดชู ไม่ต่างจากการจัดบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ และบรรยากาศเฉลิมฉลองของคนกรุงเทพฯ หลังการสังหารหมู่คนเสื้อแดงในเดือนเมษา-พฤษภา 53

นายธนาธร กล่าวต่อว่า การสร้างประเทศที่เป็นประชาธิปไตย คือประเทศที่มีพื้นที่ให้คนเห็นต่าง แม้มีความคิดทางการเมืองไม่ตรงกัน แต่อยู่ร่วมกันในสังคมได้ ซึ่งต้องเริ่มจากการมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย เขียนขึ้นโดยประชาชน และแก้ไขเอาองคาพยพที่ไม่เป็นประชาธิปไตยออกไป ซึ่งน่าเสียดายที่พรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นรัฐบาล เพราะพรรคก้าวไกลมีนโยบายที่ชัดเจนว่าจะเร่งให้มีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ให้สมาชิกสภาร่างฯ มาจากการเลือกตั้ง โดยจะมีมติ ครม. ให้ทำประชามติ ภายในการประชุม ครม. นัดแรก แต่รัฐบาลปัจจุบันกลับทำเพียงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาการแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งที่เป็นอำนาจนายกฯ ที่จะสามารถกำหนดให้มีประชามติแก้รัฐธรรมนูญได้เลย ทำให้ตนมองว่าการตั้งคณะกรรมการฯ เป็นเพียงการซื้อเวลาเท่านั้น.