ถูกจับตามองอยู่พักใหญ่ว่าคู่ของดาราดัง แน็ก ชาลี และหวานใจสาวสวย เก๋ไก๋ สไลเดอร์ จะเลิกรากันเป็นคอนเท็นต์หรือเปล่า หลังดุเก๋ไก๋และแน็กไม่ได้เศร้าจริงจังเลย ทำเอาหลายคนยังลุ้นอยู่ว่าข่าวลือที่ออกมาว่าทั้งคู่แยกทางกันแล้วเป็นเรื่องจริง ล่าสุดในงาน กาล่าหนัง 20 ปีแฟนฉัน REMASTERED IN 4K หนุ่มแน็กได้เล่าเรื่องนี้แบบจัดเต็มว่า

แน็ก เผยว่า “ความรู้สึกของผมคือเศร้ามาก เศร้าฉิบหายเลยครับ เศร้าแบบโคตรเศร้าเลย แต่ก็สงสารแฟนคลับหลายคนที่เศร้าไปกับเราด้วย ผมรู้สึกว่าการให้ใจแฟนคลับมันเป็นสิ่งที่ดีมาก เราไม่ได้ทำงานอย่างเดียว มีแฟนคลับให้ใจเราหลายคน ต้องบอกว่าความรักครั้งนี้เป็นความรักที่น่ารักมากสำหรับผม ได้โอกาสที่ดีที่สุดคือโอกาสที่ทุกคนเปิดใจ ทุกคนยอมรับในความรักครั้งนี้ของผม ทำให้เราได้วางแผนเหมือนที่คุยกันไว้ มีเรื่องที่ตกลงกันอะไรหลายๆอย่าง ที่มันมีความสุขมาก ถึงมันจะเป็นช่วงเวลาที่ครั้งล่าสุดที่กลับมา เป็นอะไรที่ดีมากๆ ได้สร้างรอยยิ้มให้ใครหลายคนมากมาย ผมมีความสุขมาก ถึงมันจะจบโคตรไวเลย ผมตอบตรงๆเลย น่าจะเบื่อผมแหละ ผมก็พูดตรงๆ ไม่ใช่เรื่องผิดครับ เขาเบื่อผมนี่แหละครับ ไม่มีข้อใดๆ อื่น ผมคิดว่าเป็นความรู้สึกตัวผมที่เริ่มรู้ตัวแล้วแหละว่าจริงๆ มันควรจะเป็นยังไง อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง จะเป็นยังไง เราก็ต้องรู้ตัวของเรา จริงๆเป็นเรื่องเล็กน้อยมากสำหรับสองคน ผมจะย้ำเรื่องหนึ่งนะครับ เรื่องสำหรับคนสองคนไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคนสองคน และสำหรับผมอายุ 30 แล้ว ผมไม่ใช่เด็กแล้ว การที่ผมตกลงกับใคร มีความหวังกับใคร ถ้าตกลงแล้วผมเป็นคนที่จริงใจมาก ตั้งใจอยากทำให้ทุกอย่างมันสำเร็จอย่างที่เราคิด ตัวเขาผมก็มองว่าเราโตด้วยกันแล้วทั้งคู่ มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่ตกลงกัน แต่ว่าวันหนึ่งมันเป็นไปไม่ได้ก็ต้องยอมรับ”

“ผมว่าไม่ใช่จากตัวผมครับ ผมต้องพูดตรงๆ วันนี้ผมคงไม่ได้เป็นลูกผู้ชายพอ ที่จะออกมาพูดว่า.. เพราะผมรักเขามาก จะให้ผมออกมาพูดอีกเหรอ เห็นว่าเขาโพสต์ว่าเขาอกหักใช่ไหม ผมจะต้องมายอมรับว่าผมทิ้งเขา ให้เขาอกหักทั้งที่ผมไม่ใช่คนทิ้งแบบนั้นเหรอครับ ผมคงไม่ใช่ลูกผู้ชายพอขนาดนั้นครับ ตัวผม 2 อาทิตย์ที่อยู่มาก็หนักใจอยู่เหมือนกัน ผมไม่ได้ทิ้งเขา ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ทิ้งเขา จริงๆ ผมไม่ได้อยากพูดอย่างนี้นะ แต่ผมรู้สึกว่าผมโดนคนพิมพ์ด่าเยอะมากว่าผมเป็นคนไปทิ้งเขา ไปทำให้เขาเสียใจ ผมก็จะพูดตรงๆ ว่า ถึงผมจะรักเขาหรืออะไร แต่เมื่อมันมาถึงจุดนี้ ผมจะบอกว่าผมไม่ใช่คนทิ้งเขานะครับ และระยะเวลาเนี่ยมันผ่านมาได้จริงๆ ก็สักพักหนึ่งและ การที่เขาลงอะไร ผมก็พูดตรงๆ ว่ามันไม่น่าจะใช่ที่ลงถึงผมละกัน เพราะผมยังจำทุกสิ่งทุกอย่างในวันที่ผมเดินออกมาได้ครับว่ามันเป็นยังไง จริงๆ ผมก็ไม่อยากสัมภาษณ์อะไร เพราะผมไม่ชอบให้มีการสัมภาษณ์แล้วมีแบ่งฝักแบ่งฝ่าย หรือไปกระทบถึงอีกฝั่ง ขอร้องตรงนี้เลยว่าใครจะด่าอะไรผมด่าได้เต็มที่เลย ผมไม่ฟ้องพวกคุณแน่นอน เพราะผมผ่านตรงจุดนั้นมาแล้ว แต่สำหรับใครที่อาจจะฟังแล้วรู้สึกไม่ดี อย่าไปโจมตีฝั่งตรงข้าม ผมเป็นห่วงทุกคนนะครับ ทุกคนน่าจะรู้ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นได้นะครับ”

แน็ก เล่าต่อว่า “ถามว่าร้องไห้ไหมเป็นเรื่องธรรมดามาก ผมร้องไห้ครับ ผมร้องไห้หนักมาก ก็เป็นเรื่องที่ผมร้องไห้ไปแค่นั้นเอง ผมคุยกับเขาล่าสุดจริงๆ คือวันที่เขาตอบผม คือวันที่ 19 ผมจำทุกสิ่งทุกอย่างได้ แล้วผมก็ไม่กลัวเรื่องที่เป็นความจริง ผมไม่อยากให้ทุกคนไปแบ่งฝักแบ่งฝ่าย สำหรับตัวผมเองมีวุฒิภาวะสูงพอ ผมมีการตัดสินใจ มีสติสูงมากระดับหนึ่งนะครับ การที่ตัวผมจะควบคุมตัวเอง อย่างวันนี้เราก็กะจะให้ทุกอย่างออกมาเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ผมก็มาเลือกว่า ไม่เป็นไรตัวผมยังต้องทำงานครับ อยากให้คนที่มายืนให้กำลังใจเรามีความสุขด้วย แล้วมีเด็กๆ เข้ามาด้วย พอได้เจอเด็กๆ ก็ทำให้รู้สึกดีชีวิตเราก็แค่.. จริงๆ มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากก็ไม่อยากให้ไปรกสมองของคนอื่นด้วย พอผมรู้สึกว่าเวลาเราไปเลื่อนอ่านเจอแล้วเรารู้สึกว่าแบบไม่ได้มีหลายคนอยากมารู้ข่าวพวกนี้ ผมก็ต้องขอโทษด้วย เอาเวลาไปอ่านข่าวที่มันมีสาระมีอะไรดีกว่าเยอะเลย ส่วนข่าวว่าผมไปกินข้าวกับผู้หญิงอื่นทำให้เก๋ไก๋งอนอันนี้ (หัวเราะ) ชีวิตผมไม่ได้มีไปกินข้าวกับใครเลย มีกินข้าวแต่กับคนดูแล (ชี้ที่ผู้จัดการ) คนนี้คือผู้จัดการผมเนี่ยที่ทำให้ผมได้ทำงานเป็นผู้เป็นคนเกือบหนึ่งปีก็ต้องขอบคุณเขาด้วย เฮ้อ ครับผม จริงๆ ไม่น่าพูดไปหรอกเนอะเมื่อกี้ จริงๆ ผมเป็นคนที่นิ่งแล้วนะแต่การที่เขาลง ผมพูดตรงๆ นะ ถ้าเราจะรักกันก็ต้องพูดตรงๆ ผมรู้สึกว่าผมโกหกคนดูไม่ได้ในการทำงานนะถ้ามันเป็นงานที่ยังค้างอยู่ผมยกเลิกหมดเลยนะครับ อันนี้ผมขอโทษลูกค้าจริงๆ ผมจะบอกให้ว่าผมวางแผนกัน ผมกล้าพูดว่ามันจะมีอีกเป็นร้อยงานไม่ได้พูดเล่น งานคู่นะครับมันเยอะมากแล้วผมทิ้งทุกงานเลยครับ ผมขอโทษลูกค้าจริงๆ ตอนแรกผมกับผู้จัดการหนักใจกันมากว่าเราจะบอกลูกค้ายังไงแต่สำหรับผม ผมมองว่าเราอายุ 30 แล้ว เราอย่าไปโกหกเขาแล้วสิ่งที่จะทำให้ผมทำงานได้มากที่สุดคือการจริงใจกับการทำงานเขาจ้างเราแล้วเราต้องจริงใจกับคนดูด้วยข้อสำคัญของผมจริงๆ ผมรู้สึกว่าตัวผมไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย มันก็ถือเป็นการระบายตรงนี้ของผม ถ้ากระทบผมก็ขอโทษจริงๆ ด้วยก็ฝากย้ำอีกทีใครที่ฟังอยู่อย่าไปพาดพิงอีกฝั่ง ด่าผมได้คนเดียว”

ตัวผมคือผมคุยกับเขา ผมโตแล้วแล้วผมขอย้ำอีกทีเรื่องของคนที่อายุ 30 เขาคุยกันสองคนมันควรจะเป็นเรื่องที่ผมโตแล้วจริงๆ ผมไม่รู้นะจะเกลียดจะทะเลาะอะไรกับผมก็มา เห็นผู้จัดการเขาให้สัมภาษณ์ว่าที่บอกว่าน้องเป็นแบบนี้ทั้งคู่อยู่แล้ว ชอบลบๆ บล็อกๆ เลิกๆ อย่าเหมารวมนิสัยผมนะครับ ผมไม่ใช่นิสัยแบบนั้นนะครับ ผมเป็นคนที่แคร์คนมากนะครับ เราทะเลาะกันหลายครั้งมากเวลาเขาอยู่ดีๆ บล็อกผมโดยที่ไม่มีเหตุผลแต่คนไม่ได้เข้าใจคนชอบนึกว่าผู้ชายไปบล็อกแล้วผมโดนถล่มโดนด่าแต่เราก็ไม่เป็นไรก็อยู่อย่างงั้นเราก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงว่าผมไม่เคยบล็อกเขาเลยมันไม่ใช่นิสัยผม เรื่องใครบอกเลิกมันเป็นเรื่องสำหรับคนสองคนนะครับที่โตแล้วคุยกันรู้เรื่องแล้ว และในวันที่กลับมาเราก็นึกว่า ผมจะได้มีความรักสุดยอดแล้วเพราะผมมีความสุขมากผมจริงใจมากนะครับจริงใจกับตัวเขา จริงใจกับลูกค้า จริงใจกับคนดูเพราะคนดูผมหลอกไม่ลงอยู่แล้ว ถ้าวันหนึ่งมีงานที่ค้างอยู่แต่เราต้องไปฝืนทำโดยที่ว่าผมทำไม่ได้ เรื่องงานคู่ในเมื่อเราคบกันจริงๆ กลับมาคบกัน ผมวางแผนไปไกลมาก เห็นผมตลกอย่างนี้ดูไม่มีสาระนะ ผมจะบอกว่าผมวางแผนอะไรไว้ ผมวางแผนจริงจังนะ ผมก็อายุเยอะแล้ว ผมก็บอกเขาว่าอะไรมันจะเป็นยังไง ผมเชื่อว่ามันจะเป็นอย่างนั้น ผมก็บอกเขาครับ ผมว่าไม่ต้องพูดหรอกครับ คนอายุเท่าๆ กัน รู้กันอยู่แล้ว คนสองคนรู้กันอยู่แล้วว่าคุยอะไรกัน ตกลงอะไรกัน แต่ในเมื่อมันเป็นอะไรที่แบบว่า ต้องแยกกันก็แยกกัน แต่อย่างน้อยตัวผมรู้สึกว่าให้เกียรติงาน ให้เกียรติคนที่สนับสนุนเรา ให้เกียรติคนที่เข้ามาจิ้นเรา ผมรู้สึกว่าทุกคนน่ารักมาก เป็นครั้งแรกที่ผมเปิดใจและมีความรัก แล้วก็ไม่มีคนจิ้นเราทุกคนน่ารักมาก จะให้ผมโกหกทุกคนต่อมันไม่ได้ นึกออกไหมครับ”

นักแสดงดัง เล่าต่อว่า “ที่ผมยกเลิกงานคู่ไป ผมเชื่อว่าวันนี้สิ่งที่ผมพูด คนจะเกลียดผมเยอะขึ้น แต่ไม่เป็นไร ถึงแฟนคลับเค้าจะเกลียดผม ไม่เป็นไรแต่เค้าจะต้องมีสติในการโพสต์มากขึ้นครับ เหมือนที่ผมอยู่นิ่งไม่ได้ จริงๆผมอยากอยู่นิ่งมากๆ แต่เขาโพสต์ด่าผมเป็นเพลง แล้วเขาก็ลบแล้วเขาก็ลงรูปสวดมนต์ ผมรู้สึกว่าทำไมคุณโพสต์ด่าผมแล้วลบทำไม หรือว่าไปโพสต์ด่าในคอมเมนต์ ผมก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ตัวของพิมพ์ ผมผิดอะไร ผมอยากถามตรงๆ ว่าใครให้คุณพิมพ์เหรอ มันไม่ใช่ เราต้องจริงใจกับคนที่เขาจริงใจกับเรา คนที่เขาทุ่มเงินให้กับคู่เรา ไม่ได้น้อยนะ แต่คนที่รักเราจริงๆ มานอนไม่หลับแทนคู่เรา ผมสงสารเขานะ ผมรู้สึกว่าให้ทุกอย่างมาลงที่ผมเถอะ เดี๋ยวผมนอนไม่หลับเอง ที่บอกว่าโสด 10 ปีจะอยู่กับแม่ พูดไปงั้นแหละ ผมแค่รู้สึกว่าเดี๋ยววันหนึ่งเราเจอใคร แต่รอบนี้ ผมคงไม่นั่งอยู่ที่บ้าน รอตลอดเหมือนทั้งปีที่ผมทำมานะครับ รอบนี้ผมก็จะลองเปิดใจ เพราะมีเพื่อนๆ มาหาผมบ้างพาไปกินข้าวพาไปคลายเครียด ผมก็ก็คงไม่ได้จะมานั่งรออยู่บ้านเหมือนที่ผมทำมาตลอดแล้ว ผมก็ต้องเติบโตในด้านของผมนะครับ เขาก็ต้องเติบโตในด้านของเขา แล้วเมื่อกี้ที่ตอนเริ่มสัมภาษณ์ที่บอกว่าเขาเบื่อ ผมขอโทษนะครับ ก็เอาเป็นว่าเราแยกกันอย่างดี๊ดีนะครับ มีความสุขจังเลย ต่างคนต่างทำงานให้มีความสุขนะครับ เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่เข็ดครับผมรู้อยู่แล้ว อะไรมันจะเป็นอะไร แต่ผมก็พูดตรงๆ ถ้าย้อนไปได้ ผมจะไม่รับโทรศัพท์ แล้วผมจะไม่ใช่คนมุ้งมิ้งน่ะนะ จะแกล้งทำเป็นโยนโบว์(โบว์ลิ่ง)ด้วย ผมก็จะไม่แกล้งทำอะไรที่มันแบบไม่ใช่ตัวผมนะ เพราะจริงๆเราอยู่ด้วยกัน มันเลยจุดนั้นไปแล้ว แต่ว่าในเมื่อเขามีความสุข เค้าอยากปรับเปลี่ยนอะไรที่ให้ผมปรับเปลี่ยน ผมก็ยังพยายามปรับเปลี่ยนทุกๆอย่างที่ผมทำได้”

ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม charliepotjes